นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กเมื่อวันพฤหัสบดี (19 ส.ค.) ว่าขณะนี้ข้าวเปลือกเจ้าแห้ง (ความชื้น 15%) มีราคาเหลือเพียง 7,000-8,000 บาทต่อตัน และมีแนวโน้มตกต่ำลงไปอีก เพราะกำลังจะมีขาวจากการทำนาปรังฤดูใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มเติม ตนจึงรู้สึกเป็นห่วงมาก และสถานการณ์นี้กำลังซ้ำเติมความเป็นอยู่ของชาวนาที่มีหนี้สินมากอยู่แล้วให้จนลงไปอีก
“ปลายเดือนสิงหาคมนี้ ข้าวเจ้านาปรังฤดูใหม่กำลังจะทะลักออกสู่ตลาดจำนวนมากมายหลายสิบล้านตัน แต่ราคาข้าวแทบทุกชนิดได้ร่วงลงไปก่อนหน้าแล้ว เช่น ข้าวเปลือกเจ้าแห้ง (ความชื้น15%) ราคาเหลือเพียงตันละ 7-8 พันบาท ดิฉันเป็นห่วงมากค่ะ ว่าราคาข้าวปีนี้จะตกตํ่ามากกว่าปีก่อน ซ้ำเติมชีวิตพี่น้องชาวนาไทยจากเดิมที่เดือดร้อน ไม่มีกินมีใช้ มีหนี้สินล้นพ้นตัวอยู่แล้วให้ยากจนลงไปอีก” นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุ
อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์อีกว่า รัฐบาลในขณะนี้ล้มเหลวในการแก้ปัญหาให้กับชาวนา มองไม่รอบด้านและไม่ทันต่อสถานการณ์ ทั้งยังใช้วิธีแก้ปัญหาเดิมๆ จนทำให้ราคาข้าวตกต่ำอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน นางสาวยิ่งลักษณ์ก็แนะการแก้ปัญหาที่ทำได้ทันทีไปใช้ คือ การลดต้นทุนการผลิต อาทิ ค่าเช่าที่นา ค่าเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง ส่วนอีกปัญหาที่ต้องแก้ไขคือ การขนส่งและการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เพราะถ้าหากแก้ได้ ก็เท่ากับว่าจะส่งออกได้มากขึ้น รายได้ก็จะไปถึงชาวนามากขึ้นด้วย
นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุอีกว่า ตนเสียดายที่การปรับปรุงโครงสร้างการเกษตรที่รัฐบาลของตนวางรากฐานไว้ อย่างเช่น การทำเกษตรโซนนิ่ง การลดการผลิตข้าวคุณภาพต่ำ การพัฒนาพันธุ์ข้าว และการเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน ฯลฯ สะดุดไปจากการรัฐประหารเมื่อปี 2557 และไม่ได้รับการสานต่อ จนทำให้สถานการณ์ของเกษตรกรตกต่ำอย่างที่เป็นอยู่