ยายเศร้าน้ำตาซึม หลานเอาโฉนดบ้านไปจำนอง กู้นอกระบบจนหนี้ท่วมหัว บ้านจ่อถูกยึด

Home » ยายเศร้าน้ำตาซึม หลานเอาโฉนดบ้านไปจำนอง กู้นอกระบบจนหนี้ท่วมหัว บ้านจ่อถูกยึด
ยายเศร้าน้ำตาซึม หลานเอาโฉนดบ้านไปจำนอง กู้นอกระบบจนหนี้ท่วมหัว บ้านจ่อถูกยึด

วันนี้ (23 กันยายน 2564) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า มีคุณยายวัย 84 ปี อาศัยอยู่ในชุมชนเมือง จ.นครราชสีมา ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก กำลังจะถูกยึดบ้าน อาศัยอยู่กับเหลนตามลำพัง ลูกไม่เหลียวแล ส่วนหลานสาวติดหนี้นอกระบบ เอาโฉนดที่ดินและบ้านที่อยู่อาศัย ไปจำนองกับนายทุนแต่ขาดส่ง เจ้าหนี้จึงเร่งรัดให้รีบหาเงินมาปลดหนี้ ก่อนจะถูกยึดบ้านไร้ที่ซุกหัวนอน  

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปบ้าน ในซอยเดชอุดม 22 ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา  พบกับคุณยายวัย 84 ปี ชื่อนางสาวมิตร์ เกรียมมะเริง อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวกับเหลน วัย 3 ขวบ เพียงลำพัง ซึ่งเป็นลูกสาวของหลานชายที่ไปอยู่กับภรรยาใหม่ และทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ทิ้งลูกสาวไว้กับยายทวดนานๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้ง ส่วนสามีและลูกชาย 2 คนของคุณยายมิตร์ ได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว จึงมีรายได้เพียงแค่เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 800 บาท กับเงินที่ได้จากการรับจ้างทั่วไปเล็กๆน้อยๆ มายังชีพและเลี้ยงเหลนในแต่ละวัน โชคดีที่มีเพื่อนบ้านและคนในชุมชนใจดี หยิบยื่นอาหารและช่วยดูแลเหลนอีกแรง  

โดยคุณยายมิตร์ ได้เล่าเรื่องราวความทุกข์ใจที่ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับให้ฟังว่า บ้านที่อยู่อาศัยซุกหัวนอนอยู่ทุกวันนี้  ถูกหลานสาวแท้ๆ แอบเอาโฉนดที่ดินไปจำนองกับนายทุนเงินกู้นอกระบบ วงเงินกู้ 8,000 บาท  แต่หลานสาวขาดการติดต่อและไม่ส่งเงินกู้มา 3 ปีแล้ว จนปรับยอดหนี้ปัจจุบัน เป็นวงหนี้สูงถึง 350,000 บาท  แต่จนปัญญาไม่มีเงินใช้หนี้ สุดท้ายนายทุนเร่งรัด จะยึดที่ดินและบ้านที่อาศัย  โดยให้เวลา  3 เดือน จะต้องย้ายออกจากบ้าน เพราะเอาโฉนดไปประกาศขายต่อและมีผู้มาซื้อบ้านแล้ว ทำให้คุณยายมิตร์ รู้สึกตกใจและเสียใจอย่างมาก เพราะไม่คิดว่า ในระยะเวลา 3 ปี ยอดหนี้เงินกู้จะพุ่งสูงขึ้นขนาดนี้  ยังไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ แต่ก็ไม่ถือโทษหรือโกรธหลานสาว เพราะเข้าใจอยู่ว่า  หลานสาวคงจะเดือดร้อนจริงๆ จึงได้เอาที่ดินและบ้านไปจำนอง เพื่อเอาเงินกู้ 8,000 บาทมาใช้จ่าย  โดยได้บอกหลานไปว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด  ไม่ต้องไปคิดมาก    

ส่วนหลานชายที่เอาเหลนมาทิ้งไว้ให้ดูแล ก็ไม่เคยส่งเงินมาช่วย เพราะหลานก็คงไม่มีเงินเช่นกัน ต้องอาศัยเบี้ยยังชีพคนชรา  เงินของหลวงกินใช้ดูแลเหลนไปวันๆ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ตรงที่มีคนใกล้บ้านและในชุมชนแบ่งปันอาหาร และยังมี อสม.ไปรับหยูกยามาให้ ไม่ต้องออกไปหาเอง เพราะเรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยมี ลุกเดินไม่สะดวก ตอนนี้แม้ว่าจะหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ ดูแลคุณภาพชีวิตตนและเหลน แต่ยังกังวลใจเรื่องหนี้สินจะถูกยึดบ้าน ถ้าไม่มีเงินมาไถ่ถอนก็จะไม่มีบ้านให้ตนและเหลนได้ซุกหัวนอน   

ด้านนางสาคร  ลาภวิบูลย์สุข หัวหน้าชุดข้าง สภ.โพธิ์กลาง กู้ภัยฮุก 31 โคราช กล่าวว่า เคสของยายมิตร์ ตนและทีมกู้ภัยฮุก 31 โคราช ได้ให้ความช่วยเหลือมาตั้งแต่แรกๆ เพราะหลานสาวของคุณยายมิตร์ ก็เป็นอาสากู้ภัยฮุก 31 โคราช  จึงเข้ามาช่วยดูแลเป็นประจำอยู่แล้ว และเมื่อมาทราบข่าวว่า บ้านที่คุณยายมิตร์และเหลนอยู่อาศัยกำลังจะถูกยึดเพราะหนี้จำนองกู้นอกระบบ ก็รู้สึกตกใจเข่าแทบทรุด แต่พยายามช่วยเหลือจากทุกทาง  ระดมเงินบริจาคมาช่วยไถ่ถอนหนี้ก้อนใหญ่ให้ได้โดยเร็ว  ซึ่งนายหน้าที่ดินฯ ก็ได้ให้ความช่วยเหลือมาด้วยจำนวนหนึ่ง และประสานคนที่ซื้อบ้านอย่าเพิ่งเร่งรัด ในขณะที่มีผู้ใจบุญช่วยเหลือบริจาคผ่านบัญชีธนาคารที่คุณยายมิตร์ ไปเปิดบัญชีเอาไว้ เป็นบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาตลาดเซฟวัน นครราชสีมา ชื่อบัญชี น.ส.มิตร์ เกรียมมะเริง เลขบัญชี 604-1-22029-0   

ซึ่งยอดหนี้ที่จะต้องนำไปไถ่ถอนที่ดินและบ้าน เป็นวงเงิน 350,000 บาท ค่าโอน 20,000 บาท   โดยหากเงินบริจาคข้ามาท่วมจำนวนหนี้ ก็จะนำเงินส่วนที่เหลือจากหักหนี้แล้ว จะนำเงินส่วนหนึ่งไปซ่อมแซมบ้านให้กับคุณยายมิตร์ เพื่อจะได้มีบ้านพักอาศัยในช่วงบั้นปลายชีวิตที่มั่นคงแข็งแรง อยู่กับเหลนอย่างสบายใจ และที่เหลือจะเอาไว้เป็นเงินยังชีพของคุณยายมิตร์ ฯ และเหลน  แต่ต้องมีคณะกรรมการหมู่บ้านหรือบุคคลที่ไว้วางใจได้ มาคอยกำกับดูแลการเบิกจ่ายวงเงิน ให้เกิดความโปร่งใส เพื่อคุณยายมิตร์ จะได้รับประโยชน์สูงสุด  ซึ่งยอดบริจาคยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดว่า จะสามารถปิดบัญชีช่วยเหลือได้ไม่เกินพรุ่งนี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ