ยายวัย 80 ดับหลังฉีด “แอสตร้าเซนเนก้า” 8 วัน ลูกหลานคาใจหมออ้างไม่เกี่ยวกับวัคซีน ทั้งที่ก่อนฉีดยายแข็งแรงดี

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพหญิงสาวขับรถพายายไปฉีดวัคซีน พร้อมข้อความว่า “เวลา 10.30 ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่า ยายหายใจเร็วขึ้น อาการเหมือนเหนื่อยมาก ถ้าอาการไม่ดีขึ้นขออนุญาตใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจนี้ เป็นอาการหลังจากฉีดวัคซีนวันที่ 7 เข้ารักษา รพ. วันที่ 11 แต่คุณหมอบอกว่าไม่เกี่ยววัคซีนนนนนน เคยดูแต่ข่าวไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง เซงเป็ดแม่_ไม่รับ”   

(15 มิ.ย.64) เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ วัดโพธิ์ ต.บ้านโขด อ.เมือง จ.ชลบุรี  พบมีการกำลังเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อว่า นางรัตติยา อายุ 80 ปี  มาตั้งที่ศาลา 1 โดยมี นางอำภา อายุ 56 ปี (ลูกสาว) น.ส.กานดา อายุ 33 ปี (หลานสาวผู้โพสต์ข้อความ) สอบถามทั้ง 2 คน ได้เปิดเผยว่า ยายจองคิวฉีดวัคซีนทางหมอพร้อ มได้คิวฉีดวัคซีนเข็มแรกวันที่ 7 มิ.ย. และไปฉีดที่อาคารเทศบาลเมืองบ้านสวน วันที่ 7 มิ.ย.เวลา 11.00 น. โดยฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

วันแรกกลับมาบ้านสัก 2-3 ชั่วโมงก็คลื่นไส้ แล้วก็วันนั้นก็ไม่มีอะไร วันที่ 8 ช่วงเที่ยงเริ่มมีอาการตัวร้อนก็เลยให้กินยาพาราฯ วันที่ 9 ก็ตัวร้อนอีกก็ให้กินยาพาราฯ เช้าและเย็น วันที่ 10 มิ.ย.ตอนเช้าเริ่มมีอาการเหงื่อออกแล้วก็รู้สึกเหนื่อยหอบลุกขึ้นมานั่งก็ยังเดินเข้าห้องน้ำได้ปกติ  พอวันที่ 11 มิ.ย.เช้าตื่นมาแกก็มีอาการเหนื่อยหอบเหงื่อออกเยอะ ตอนเย็นไข้ลด แต่พอเวลา 2 ทุ่มครึ่ง แกจะลุกจากเตียงขึ้นมาจะเข้าห้องน้ำแต่ลุกขึ้นมายืน แต่เดินไม่ได้ขาอ่อนไม่มีแรงก้าวขา ตนจึงโทรหาแม่หาน้าให้มาช่วยพาไปโรงพยาบาล และต้องเรียกคนข้างๆ บ้านมาช่วยพยุง คือตอนการพยุงเขาขึ้นขาสั่นทั้ง 2 ข้าง ไม่มีแรงเลย  ขึ้นรถไปโรงพยาบาลประมาณช่วงเวลาก่อน 22.00 น.

ไปถึงโรงพยาบาลแล้วก็เข้าไปสแกนหัวใจว่าปกติไหม และพบการเต้นของหัวใจปกติ  เสร็จแล้วก็ถามทางเราว่าได้ให้ยายทานยาขาดหรือเปล่า  ตนก็ยืนยันไปว่าไม่ได้ให้ยาขาดให้ทุกวันก็เลยบอกไปอีกว่าคุณยายมีอาการติดเชื้อในปอด ได้มีอาการสำลักอาหารไหม จึงบอกว่าสำลักวันที่ 10-11 มิ.ย. หลังจากนั้นวันที่ 12 มิ.ย. เอาของใช้ไปให้ยา ยก็ถามพยาบาลว่าอาการของยายเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้พูดถึงเรื่องปอดติดเชื้อไม่ได้พูดถึงเรื่องหัวใจเลย มาพูดเรื่องปัสสาวะอาจจะติดเชื้อก็ได้ส่งตรวจอยู่ ถ้าผลตรวจออกมาว่าปัสสาวะติดเชื้อจะให้ยาฆ่าเชื้อและให้กลับบ้านไปพักผ่อนได้    

ตอนเย็นโทรไปถามอีกว่าจะให้กลับบ้านได้ยังไง คือในเมื่อยายมีอาการล้มมาช่วยให้คุณหมอดูเรื่องกระดูกหรือเรื่องอะไรหน่อย เพราะว่าถ้ากลับมาเดินไม่ได้ก็ไม่โอเค  ก่อนมาฉีดวัคซีนคุณยายเขาปกติดีแข็งแรงดี เล่นกับเด็กได้เล่นกับหลานได้เดินเข้าห้องน้ำ ก็บอกว่าเดี๋ยวจะขอดูอาการแล้วก็จะส่งส่งไปเอกซเรย์ดูกระดูกส่วนไหนหักบ้างหรือเปล่า ต่อมาวันที่ 13 ตนเองโทรไปถามอาการก็ยังบอกว่า ยายทานข้าวปกติตอบสนองทุกอย่างหมออาจจะสั่งให้กลับบ้านได้ พอช่วงเที่ยงโทรไปอีกทีนึงก็บอกว่ารู้สึกว่าวันนี้ยายอาการเหนื่อยขึ้นก็เลยอาจจะยังไม่ได้กลับบ้านนะ รอดูอาการก่อนให้ดีขึ้นแล้วค่อยกลับ    

พอวันที่ 14 โรงพยาบาลโทรมาตอน 10.30 น. บอกว่าอาการของคุณยายรู้สึกว่ามีอาการเหนื่อยหอบถ้าไม่ไหวก็ขอใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจ ตนก็งงว่าเมื่อ 2 วันที่แล้วจะให้กลับบ้านได้ วันนี้บอกจะใส่ท่อช่วยหายใจตนก็อนุญาตให้ใส่ แต่ทีนี้พอตั้งสติได้ก็โทรถามว่าอาการคุณยายหนักถึงขั้นให้ให้ใส่เครื่องช่วยหายใจเลยเหรอ ก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่ได้ให้ใส่นะแต่ขออนุญาตเฉยๆ ตอนนี้ให้ใส่เป็นสายท่อออกซิเจน อาการโดยรวมดีขึ้น  พอถึงเที่ยงคืนหมอโทรมาบอกว่าคุณยายไม่ไหวแล้วคุณยายต้องปั๊มหัวใจ

รู้สึกงงกับทางโรงพยาบาลเหมือนกันว่า คือตอนแรกบอกอาการดีขึ้นแล้วต่อมาบอกยายอาการหนัก  จึงบอกหมอว่าคุณยายไม่ไหวแล้วใช่ไหมถ้าไม่ไหว ขอเข้าไปเยี่ยมได้ไหม เพราะว่าปกติเขาจะไม่ให้เข้าไปใช่ไหม ได้ขออนุญาตบอกว่าขอเข้าไปดูใจ หมอถึงให้เข้าไป พอเห็นสภาพยายใส่เครื่องช่วยหายใจคือวันที่เขาไปมันไม่ใช่แบบนี้ ก่อนมาฉีดยายยังแข็งแรงยังเล่นกับเด็กแล้วก็ช่วยเหลือตัวเองได้แล้วก็มาใส่ท่อหายใจ ต่อมาเวลา 02.00 น.วันที่ 15 มิ.ย. หมอโทรมาบอกว่าคุณยายเสียชีวิตแล้ว

ในขณะที่  นางอำภา ลูกสาวของยาย ได้เผยทั้งน้ำตาว่า แม่ไม่รู้เรื่องอะไรเรื่องฉีดวัคซีน แม่มีอาการหลง และก็ได้แจ้งทางแพทย์แล้วว่าแม่ป่วยเป็นโรคหัวใจพร้อมทั้งนำยาที่แม่ทานประจำมาให้หมอดูด้วย ทำไมไม่บอกเลยว่าวัคซีนฉีดแล้วอันตราย แล้วมาดูแลด้วยมั้ย  หมอยังบอกว่าแม่ตายไม่เกี่ยวกับฉีดวัคซีน ไม่เกี่ยวได้ยังไง รัฐบาลบังคับให้มาฉีดแล้วมาดูแลหรือเปล่า   

ทั้งนี้ศพจะตั้งสวดพระอภิธรรมทุกคืน จะทำการฌาปนกิจเวลา 16.00 น. วันเสาร์ที่ 12 มิ.ย.นี้