พิธา เผย 8 พรรคร่วมรัฐบาล มีมติชัดเจน ส่งตนเอง รับโหวต นายกฯ คนที่ 30 รอบ 2 เชื่อไม่ผิดข้อบังคับ 41

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากเข้าร่วมประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล ที่ อาคารไทยซัมมิท ที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยกล่าวว่า จากการหารือได้ข้อสรุป 3 ข้อ ได้แก่

1. 8 พรรคร่วมยังมีมติเอกฉันท์ ส่งชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รับการโหวตรอบสอง

2. กรณีที่พรรคก้าวไกล ส่งเอกสารขอแก้ไขข้อกฏหมาย ม. 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว. นั้น พรรคร่วมทั้ง 7 พรรค มองว่า เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล ไม่เกี่ยวกับพรรคอื่น และไม่ได้มีข้อขัดแย้งอะไรต่อเรื่องนี้

3. ที่ประชุมพรรคร่วมทั้ง 8 พรรคมองว่า หาก สว. ยกข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 ว่าด้วยการที่ระบุว่า “ญัตติใดที่ไม่ได้รับความเห็นชอบ ถือว่าตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติที่มีหลักการเดิมขึ้นมาเสนออีกสมัยประชุมเดียวกัน” มาสกัดไม่ให้มีการเสนอชื่อนายพิธา เพื่อโหวตนายกฯ รอบ 2 นั้น ยังเชื่อว่า ไม่น่าจะเข้ากับรัฐธรรมนูญ และ ไม่เกี่ยวกับการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ทางพรรคร่วมยังสามารถส่งชื่อนายพิธา เพื่อให้ที่ประชุมโหวตได้

ทั้งนี้ 8 พรรคร่วมยังมีความสัมพันธ์ที่ดี ในการโหวตรอบสองนี้เชื่อว่า จะได้คะแนนเพิ่มขึ้นจากรอบแรก อย่างน้อย 10% ขณะที่หลังจากจบการโหวตครั้งแรกมาแล้วนั้น ได้มีการพูดคุยกับ สว. หลายๆคน ที่ไม่ได้เข้าร่วมการโหวต ซึ่งเข้าใจได้ว่า หลายๆคนติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ

ทั้งนี้ 8 พรรคร่วมยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการจะชักชวนหรือให้พรรคชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งทางพรรคได้มีการพูดคุยกับพรรคอื่นๆทุกพรรค ยกเว้นพรรคร่วมรัฐบาลเก่า อย่างไรก็ตามการพูดคุยนั้น เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมือง แต่ยังไม่ได้ชวนใครเข้ามาร่วมรัฐบาล

ส่วนการเสนอชื่อเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้น ยังเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ และไม่คิดว่าจะมีใครเป็นงูเห่าใน 8 พรรคร่วม เพราะที่ผ่านมาหลายคนได้เห็นบทเรียนแล้ว

นายพิธายืนยันว่า จะยังไม่เปลี่ยนนโยบายจากที่หาเสียงเอาไว้ เพราะได้สัญญากับลประชาชนไว้แล้ว แม้ สว.หลายคนจะยืนยันเรื่องของ ม.112 แต่ส่วนตัวเชื่อว่า การที่อ้างว่า ไม่โหวตให้ตนเป็นนายกฯ เพราะ ม.112 นั้น เป็นเพียงฉากบังหน้า แต่ฉากหลังมีผลกระทบที่จะเกิดจากนโยบายของตนในหลายๆด้าน

ส่วนการที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการประชุมพิจารณาคำร้องที่ กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สมาชิกภาพ ส.ส. ของ นายพิธา จากปม หุ้นitv นั้น ส่วนตัวไม่กังวลใจ เพราะการรับหรือไม่รับคำร้อง ไม่กระทบต่อตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของตนแต่อย่างใด