ยังไงล่ะทีนี้! พ่อคาใจ ตร.โยนบาปให้ลูก 10 ขวบ ซื้อไอเทมเกม 1.2 ล้าน แฉขั้นตอนลวงก่อนดูดเงิน

Home » ยังไงล่ะทีนี้! พ่อคาใจ ตร.โยนบาปให้ลูก 10 ขวบ ซื้อไอเทมเกม 1.2 ล้าน แฉขั้นตอนลวงก่อนดูดเงิน



ยังไงล่ะทีนี้! พ่อคาใจ ตร.โยนบาปให้ลูก 10 ขวบ ซื้อไอเทมเกม 1.2 ล้าน แฉขั้นตอนลวงก่อนดูดเงิน ด้าน ปธ.ทนายความภาค 8 ระบุเข้าข่ายฉ้อโกง

จากกรณี นายณรงค์ฤทธิ์ คงทอง 49 ปี นักธุรกิจค้าปุ๋ย อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ร้องถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวงเอาข้อมูลส่วนตัวจากลูกชายวัย 10 ขวบ แล้วมีการโอนเงินในบัญชีออกไปถึง 65 ครั้ง ระหว่างวันที่ 7-25 ก.ค.65 เป็นเงิน 1,206,000 บาท และตำรวจไซเบอร์ ระบุว่า ลูกชายเอาเงินไปซื้อไอเทมเกม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 2 ส.ค.65 นายณรงฤทธิ์ เปิดเผยว่า ตกใจและยังงงกับข้อมูลของตำรวจไซเบอร์ กลายเป็นว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และพูดคุยกับตนเสมือนว่าตนมีส่วนรู้เห็นด้วย โดยไม่บอกเลยว่าพฤติการณ์ที่เด็กให้ข้อมูลนั้น คือถูกล่อลวงเอาบัตรประชาชนแล้วไม่ให้เด็กบอกพ่อ การแจ้งของตำรวจที่ออกมานั้นฟังเหมือนว่า ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่จริง จนถูกสังคมว่ากล่าวเสียๆ หายๆ

“ขอยืนยันว่าผมไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลย และขอยืนยันว่าการทำธุรกรรมของผมทุกครั้ง โดยเฉพาะการโอนเงินจะไปทำด้วยตัวเองที่ธนาคารผ่านสลิปหลักฐานที่เป็นกระดาษทุกครั้ง ส่วนแอพฯ ธนาคารในโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องนั้น เจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งไว้ให้ แต่ไม่เคยได้ใช้เพราะกลัวเหตุการณ์แบบนี้ และจะเข้าขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อไป” นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าว

ด้านลูกชายอายุ 10 ขวบของ นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า มีการคุยกันทางออนไลน์และโทรมา โดยตนจะเอาโทรศัพท์ไปให้พ่อ แต่เขาบอกว่าไม่ต้อง หลังจากนั้นได้เสนอให้รหัสเกม ให้ตัวละคร และให้สมัครทรูมันนี่ ให้สมัครตามเขาแล้วให้ใส่รหัสโอทีพี หลังสมัครเสร็จเขาก็ให้รหัสเกมมา ก็เล่นเกมกัน ต่อมามีลิงค์มาให้ เข้าใจว่าเป็นลิ้งค์เล่นเกมแต่โหลดช้า เลยออกมา เขาขอบัตรประชาชนพ่อและวิดีโอหน้าพ่อ โดยตนเอาของตัวเองให้ไป แต่เขาบอกว่าไม่ได้ ส่วนเงินที่ออกไปนั้นไม่รู้เลย มารู้ตอนที่พ่อเอาสมุดบัญชีไปธนาคารแล้วรู้ว่าเงินหาย

ด้าน นายลือชา เปี่ยมสุวรรณ ประธานสภาทนายความภาค 8 ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้น ระบุว่า พฤติการณ์ที่มีการติดต่อกับเด็กที่มีอายุเพียง 10 ขวบนั้นเห็นถึงวุฒิภาวะของเด็กอยู่แล้วว่ายังไม่เพียงพอการล่อลวงขอเอกสารของพ่อเด็ก โดยมีการสำทับไว้ว่าอย่าบอกพ่อนั้นแสดงถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์แล้ว และวงเงินกว่า 1.2 ล้านบาท เป็นเรื่องที่เกินวิสัยของเด็ก 10 ขวบที่จะทำธุรกรรมได้โดยชอบ ดังนั้นเหตุการณ์ทำนองนี้จึงอาจเข้าข่ายพฤติกรรมความผิดลักษณะฉ้อโกง ล่อลวงเด็ก ซึ่งขอให้ผู้เสียหายทำเรื่องมาที่สภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางที่แสดงความกังขาต่อการให้ข้อมูลของตำรวจไซเบอร์ เหมือนกับว่าเป็นความผิดของเด็ก พฤติการณ์ล่อลวงเด็กให้ส่งหลักฐานส่วนตัวของพ่อจนนำไปสู่การโยกเงินออกจากบัญชี ไม่เป็นความผิดใช่หรือไม่ คำถามที่เกิดขึ้นอีกมากคือ เจ้าหน้าที่ไม่ต้องดำเนินการใดๆ เลยหรือ เมื่อมีการขยายผลหาบัญชีปลายทางกลับพบว่ามีบัญชีรับเงินอย่างน้อย 4 บัญชี ดูเหมือนคล้ายบัญชีม้าซึ่งทางตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ขณะผู้เสียหายอยู่ในสภาพเหมือนถูกลอยแพ

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ