มือแทง 'ซัลมาน รัชดี' นักเขียนดัง10แผล ไม่สำนึก ปฏิเสธทุกข้อหา

Home » มือแทง 'ซัลมาน รัชดี' นักเขียนดัง10แผล ไม่สำนึก ปฏิเสธทุกข้อหา


มือแทง 'ซัลมาน รัชดี' นักเขียนดัง10แผล ไม่สำนึก ปฏิเสธทุกข้อหา

มือแทงไม่สำนึก ปฏิเสธทุกข้อหา หลังบุกทำร้าย ‘ซัลมาน รัชดี’ นักเขียนดังกลางเวทีจนอาการสาหัส

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าเหตุคนร้ายใช้มีดบุกรัวแทงนายซัลมาน รัชดี นักเขียนนวนิยาย “The Satanic Verse” สัญชาติอังกฤษ เชื้อสายอินเดีย อายุ 75 ปี กว่า 10 แผล กลางเวทีเสวนา ที่สถาบันชาโตกัว ในรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ว่านายฮาดิ มาทาร์ อายุ 24 ปี ผู้ก่อเหตุปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นศาลที่นครนิวยอร์ก

ด้านอาการของนายรัชดีซึ่งถูกส่งตัวไปเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินที่โรงพยาบาลด้วยเครื่องเฮลิคอปเตอร์ มีสัญญาณบ่งชี้ว่าอาการดีขึ้น โดยนายแอนดรูว์ ไวลี เอเยนต์ของนายรัชดีเปิดเผยว่านายรัชดีซึ่งก่อนหน้านี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและอาจสูญเสียลูกตาข้างหนึ่ง ว่าล่าสุดนายรัชดีเริ่มกลับมาพูดคุยได้อีกครั้งแล้ว

Author Salman Rushdie is helped by people after he was stabbed on stage before his scheduled speech at the Chautauqua Institution, Chautauqua, New York, U.S., August 12, 2022, in this picture obtained from social media. Charles Savenor/LOCAL NEWS X/TMX/via REUTERS

เหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวเรียกเสียงประณามจากประชาคมโลกแต่ได้รับความชื่นชมจากบรรดากลุ่มคลั่งศาสนาในอิหร่านและปากีสถาน เนื่องจากนายรัชดีนั้นเคยถูกนายอายาตุลเลาะห์ โคเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศให้ล่าสังหารนายรัชดีเมื่อปี 2532 เนื่องจากนวนิยาย “The Satanic Verse” นั้นมีเนื้อหาที่ดูหมิ่นศาสนาทำให้ชาวมุสลิมจำนวนมากเดือดดาล

โดยนายรัชดีย้ายมาอยู่ที่สหรัฐฯในปี 2543 ขณะที่ตอนเกิดเหตุนั้นนายรัชดีกำลังจะให้สัมภาษณ์ว่าสหรัฐฯนั้นเป็นเหมือนสวรรค์ของนักเขียนเพียงใด เพราะเป็นชาติที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ

ส่วนข้อมูลของคนร้ายทราบเบื้องต้นว่า นายฮาดิเกิดและเติบโตมาในสหรัฐฯ ส่วนครอบครัวนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ในเมืองยารูนทางภาคใต้ของประเทศเลบานอน โดยพ่อและแม่ของนายฮาดิหย่าร้างกันก่อนอพยพมาตั้งรกรากในสหรัฐฯ ขณะที่พ่อของนายฮาดิทำอาชีพเลี้ยงแกะยังมีอาศัยอยู่ในเลบานอนแต่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่พยายามเดินทางไปสัมภาษณ์ถูกขอให้ล้มเลิกการสัมภาษณ์

ทั้งนี้ นายรัชดี ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้อ่านทั่วโลกจากนวนิยายเรื่อง “Midnight’s Children” ที่ให้จินตภาพเกี่ยวกับสังคมอินเดียหลังได้รับเอกราชจากจักรวรรดิอังกฤษได้ยอดเยี่ยมตีพิมพ์เมื่อปี 2524 แต่นวนิยายเรื่องถัดมา “The Satanic Verse” ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2531 ทำให้ถูกกลุ่มคลั่งศาสนาตามล่าสังหารและต้องย้ายที่อยู่อาศัยตลอดเวลาหลายปี ไม่สามารถเปิดเผยได้แม้กับครอบครัวตัวเอง

Salman Rushdie was propelled into the spotlight with his second novel “Midnight’s Children” in 1981, which won international praise and Britain’s prestigious Booker Prize CHARLY TRIBALLEAU AFP/File

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ