(2).jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
อ่านไม่ผิด มีลูกชายตั้ง 3 คน แต่พ่อสามีกลับยกมรดก 61 ล้านบาท ให้ลูกสะใภ้ทั้งหมด แม่สามีย้ำชัด “เพราะเธอคู่ควร!”
ลูกสะใภ้ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เมื่อรู้ว่าพ่อสามียกมรดกทั้งหมดให้เธอ
คำบอกเล่าของคุณจาง ประเทศจีน กำลังได้รับความสนใจอย่างมากบนแพลตฟอร์ม Zhihu
ฉันเกิดและเติบโตในเมืองเล็กๆ ทางภาคใต้ ส่วนสามีมาจากภาคเหนือ ตอนเราตัดสินใจแต่งงาน ครอบครัวทั้งสองฝ่ายต่างคัดค้าน เพราะกังวลเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิต โดยเฉพาะพ่อแม่สามีที่ไม่พอใจเมื่อครอบครัวฉันเรียกสินสอด 88,000 หยวน (ประมาณ 413,000 บาท) พ่อสามีมองว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินไป เพราะเราแต่งงานกันด้วยความรัก ไม่ใช่เรื่องเงินทอง
แต่สำหรับบ้านเกิดฉัน สินสอดจำนวนนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ หลังจากเจรจากันหลายครั้ง พ่อสามีก็ยอมรับ และงานแต่งก็เกิดขึ้น ถึงอย่างนั้น ฉันก็รู้ว่าในใจเขายังติดค้างเรื่องนี้อยู่
ครอบครัวสามีมีโรงงานไม้ขนาดเล็ก เป็นแหล่งรายได้หลักของบ้าน ก่อนฉันเข้ามา โรงงานบริหารโดยพ่อสามีและลูกชายทั้งสาม สามีของฉันเป็นลูกคนโต จึงต้องสืบทอดกิจการ แต่เขาไม่ถนัดด้านธุรกิจ ฉันเห็นจุดอ่อนนี้จึงเริ่มเสนอแนวทางปรับปรุงทีละเล็กทีละน้อย จนค่อยๆ ได้รับความไว้วางใจจากสามีและพ่อสามี เพียง 8 ปี โรงงานก็เติบโตขึ้นจนสร้างรายได้หลายล้านหยวนต่อปี
แม้ฉันจะมีส่วนช่วยพัฒนาโรงงาน แต่ระยะห่างระหว่างฉันกับพ่อสามียังคงอยู่ บางทีตัวเลข 88,000 หยวนในวันนั้น อาจยังเป็นปมในใจของเขา
จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันจึงได้รับการยอมรับจากเขาอย่างแท้จริง
คืนนั้น พ่อสามีมีไข้สูง สามีฉันติดงานอยู่ต่างเมือง ฉันรีบโทรหาน้องสามีทั้งสองเพื่อขอให้มาช่วย แต่กลับได้รับคำตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“แค่เป็นหวัดเอง พรุ่งนี้ค่อยพาไปโรงพยาบาลก็ได้”
ไม่รอช้า ฉันพาพ่อสามีไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง และเฝ้าดูแลเขาตลอดทั้งคืน ฉันเข้าใจว่าน้องสามีทั้งสองคนยังเด็ก ยังไม่เห็นค่าของสายใยครอบครัว ที่โรงงานไม้ พวกเขาก็ขี้เกียจและเอาแต่เที่ยวเล่น
แต่ฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่า คืนนั้นจะเปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดกาล
หลังออกจากโรงพยาบาล พ่อสามีกลับมาพักฟื้นที่บ้าน แต่ไม่นานอาการของเขาทรุดหนัก และสุดท้ายก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลังงานศพ แม่สามีเรียกพวกเรา 4 คนมาพบ ท่ามกลางสายตาของทุกคน เธอยื่นสมุดบัญชีให้ฉัน พร้อมบอกว่านี่คือสิ่งที่พ่อสามีฝากไว้ให้ก่อนสิ้นใจ
เมื่อฉันเปิดดูตัวเลขในบัญชี ฉันแทบลมหายใจสะดุด 13 ล้านหยวน (ประมาณ 61 ล้านบาท) ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
สามีเองก็ตกตะลึง เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปถามแม่ว่า “ทำไมพ่อถึงยกเงินทั้งหมดนี้ให้ภรรยาผม?”
น้องสามีทั้งสองคนยิ่งไม่พอใจ ประท้วงเสียงดัง “นี่คือทรัพย์สินของครอบครัว ทำไมถึงให้พี่สะใภ้ไปทั้งหมด?”
แต่แม่สามีกลับตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ลองคิดดูสิ ถ้าเงินก้อนนี้อยู่ในมือพวกเธอ จะใช้หมดภายในกี่วัน?”
น้องสามีทั้งสองคนเงียบกริบ เธอจึงพูดต่อ “พ่อของพวกเธอไม่ได้ไม่รักลูก แต่เขารู้จักลูกของตัวเองดี ถ้าให้เงินนี้กับพวกเธอ ไม่นานก็คงหมดไปเปล่าๆ แต่พี่สะใภ้ของพวกเธอแตกต่างออกไป เธอมีความสามารถ มีความเข้มแข็ง และที่สำคัญที่สุด เธอรักษาครอบครัวนี้ได้ ถ้าอยากมีชีวิตที่ดี ก็จงทำงานให้หนัก อย่าหวังพึ่งพาเงินจากพ่อแม่”
คำพูดของแม่สามีทำให้น้องสามีทั้งสองคนหมดหนทางโต้แย้ง เธอหันมามองฉันด้วยสายตาเปี่ยมความไว้วางใจ แล้วเอ่ยถาม
“ลูกจะใช้เงินก้อนนี้เพื่อดูแลครอบครัวและสานต่อโรงงานไม้ได้ไหม?”
ฉันปล่อยโฮออกมา จับมือแม่สามีแน่น แล้วตอบด้วยเสียงหนักแน่น “ค่ะ! หนูจะทำให้ดีที่สุด”
ฉันไม่เคยคาดคิดว่าการยอมรับจากพ่อสามีจะมาถึงในช่วงเวลาที่ไม่คาดฝันที่สุด แม้ฉันจะทุ่มเทอย่างหนักเพื่อพัฒนาโรงงานไม้ แต่ก็ยังรู้สึกถึงระยะห่างระหว่างฉันกับเขาเสมอ กระทั่งวันหนึ่ง ฉันจึงได้เข้าใจว่าความเชื่อใจไม่ได้วัดจากเงินทองหรือความสำเร็จทางธุรกิจ แต่มันเกิดจากความจริงใจที่แสดงออกมาโดยไม่ต้องปรุงแต่ง
คืนนั้น ฉันพาพ่อสามีไปโรงพยาบาลโดยไม่ลังเล ไม่ได้หวังให้เขามองฉันในมุมที่ดีขึ้น ฉันทำไปเพราะมันเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะเขาคือครอบครัวของฉัน และบางที นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายอมรับฉันอย่างแท้จริง
จากเรื่องนี้ ฉันได้เรียนรู้ว่า เงินทองไม่ใช่สิ่งที่ควรแบ่งให้เท่าๆ กันเสมอไป น้องสามีอาจรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมที่พ่อมอบสมบัติทั้งหมดให้ฉัน แต่แม่สามีเข้าใจดี ถ้าเงินก้อนนี้ตกอยู่ในมือพวกเขา ไม่นานก็คงหมดไป ทรัพย์สมบัติไม่ใช่สิ่งที่จะแบ่งกันเพื่อใช้จ่าย แต่ควรอยู่ในมือของคนที่รู้จักรักษาและทำให้มันงอกเงย
สิ่งสำคัญไม่ใช่ใครได้มากหรือน้อย แต่คือใครสามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์กับครอบครัวได้ยั่งยืนที่สุด ฉันไม่ได้รับเงินก้อนนี้เพราะความโลภ แต่เพราะฉันมีความรับผิดชอบที่จะรักษามรดกของพ่อสามี พัฒนาโรงงานไม้ และดูแลครอบครัวให้มั่นคงต่อไป
การได้รับการยอมรับไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน และเงินทองก็ไม่มีวันอยู่ยั่งยืนหากใช้ไม่เป็น แต่หากเรามุ่งมั่นและรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ สักวันหนึ่ง คนที่เคยสงสัยในตัวเราจะมอบความไว้วางใจให้ ไม่ใช่ด้วยคำพูด แต่ด้วยการมอบสิ่งที่สำคัญที่สุดให้เราดูแล