กีฬาต่อสู้ถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือดคนไทยมาตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากคนที่มีสายเลือดไทย จะก้าวไปประสบความเร็จ บนสังเวียนแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย, มวยสากล หรือศิลปะกาต่อสู้ผสมผสาน อย่าง MMA
หนึ่งในนักสู้เชื้อสายไทย ที่กำลังไปด้วยสวยบนเส้นทางนี้ คือ มิเชล วอเตอร์สัน นักชก MMA ที่กำลังไปได้สวยบนสังเวียน MMA และกำลังจะได้ขึ้นชกเป็นคู่เอกของรายการ UFC on ESPN 24 ในวันที่ 8 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ตามเวลาที่สหรัฐอเมริกา
มิเชล วอเตอร์สัน มีคุณพ่อเป็นคนอเมริกัน และคุณแม่เป็นคนไทย โดยเธอเติบโตที่ฝั่งโลกตะวันตก ในรัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา
มิเชลชื่นชอบการเล่นกีฬามาตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ง่าย เพราะกีฬาในฝันของเธอคือยิมนาสติก แต่การเล่าเรียนศาสตร์แห่งความสวยงามนี้ กลับมีราคาแพงเกินกว่าที่ครอบครัวเธอจะสนับสนุน ทำให้เธอต้องหาทางเลือกอื่นเข้ามาทดแทน
เนื่องจาก โบสถ์ในบริเวณชุมชนที่เธออาศัยอยู่เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ มีการสอนคาราเต้ฟรี ซึ่งเป็นกีฬาที่พี่ชายของเธอสนใจอยู่พอดี ทำให้มิเชล และพี่ชาย กับน้องสาวของเธอ สามารถไปเรียนศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้ด้วยกัน
สำหรับพี่ชาย และน้องสาวของเธอ ไม่ได้มองการเรียนคาราเต้ มากไปกว่าการได้ออกกำลังกาย และความสนุกในวัยเด็ก หากแต่ในมุมของมิเชล เธอหลงรักกีฬาชนิดนี้ และมีความฝันที่อยากจะเป็นนักสู้อย่างจริงจัง
ภายในเวลาไม่ถึงปี มิเชลเปลี่ยนตัวเองจากผู้เล่าเรียน กลายเป็นนักสู้ เธอเข้าร่วมการแข่งขันคาราเต้ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ก็ตาม
Photo : www.cbssports.com
หากไม่รู้จักความพ่ายแพ้ คงไม่รู้ความหมายของชัยชนะ มิเชล วอเตอร์สัน กลายเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อหวังจะเก็บถ้วนชนะเลิศในการแข่งขันมาให้มากที่สุด โดยเธอก้าวขึ้นเป็นถึงนักสู้คาราเต้สายดำ รวมถึงเรียนรู้ศาสตร์การต่อสู้อื่น ทั้ง ยิวยิตสู, วูซู, มวยสากล, มวยปล้ำ และมวยไทย
เมื่ออายุได้ 18 ปี มิเชลเปลี่ยนตัวเองจากนักสู้คาราเต้ กลายเป็นนักกีฬาวูซูเพื่อหาความท้าทายใหม่ ก่อนจะหันไปชกคิกบ็อกซิ่งในเวลาต่อมา
ทั้งที่เธอมีความสามารถในการต่อสู้มากมายหลายแขนง แต่มิเชลไม่เคยคิดจะเป็นนักสู้ MMA เนื่องจากเธอไม่เคยมีความสนใจในการเอาศิลปะการต่อสู้แต่ละรูปแบบ มาผสมผสานกัน สำหรับหญิงคนนี้ถ้าจะต่อสู้เธอก็ต้องไปให้สุด เหมือนเช่น การเป็นนักกีฬาคาราเต้, วูซู หรือ คิกบ็อกซิ่ง
สำหรับคนอเมริกันอย่างเธอ การศึกษาในมหาวิทยาลัยคือเรื่องสำคัญ เพราะเป็นทั้งเกียรติยศ และใบเบิกทางในชีวิต อย่างไรก็ตาม มิเชลรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่ชีวิตเธอต้องการ เพราะหัวใจของเธอเรียกร้องถึงการขึ้นสังเวียน ได้ต่อสู้กับคู่แข่ง อันเป็นสิ่งที่เธอรักมากที่สุด
เธอตัดสินใจดร็อปจากการเรียนในมหาวิทยาลัย ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาเดียวกันนั้น และได้มีโอกาสมาอยู่ที่ประเทศไทยในระยะสั้น ซึ่งเธอตัดสินใจใช้ช่วงเวลานี้ ในการฝึกมวยไทย กับค่ายมวยศิษย์ยอดธง ซึ่งเธอตกหลุมรักในวิชามวยไทยเข้าเข้าอย่างจัง
ท้ายที่สุด มิเชล ได้รู้จักกับ โดนัลด์ เซอร์โรนี นัก MMA รุ่นพี่ที่ชักชวนให้เธอเข้าวงการสังเวียนในกรงเหล็ก ซึ่งมิเชลยอมรับว่าเธอตัดสินใจไม่ผิด เนื่องจากการต่อสู้ MMA คือการขึ้นชกที่ท้าทายที่สุดในชีวิต หากเทียบกับหลายประเภทการแข่งขันที่เธอเคยต่อสู้มา
ด้วยวัย 21 ปี มิเชลเดบิวต์อย่างเป็นทางการ บนสังเวียน MMA และจบไฟต์แรกด้วยชัยชนะ อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นมือใหม่ในวงการ MMA โดยเฉพาะเรื่องการสู้ด้วยการปล้ำ รวมถึงการจับล็อคที่ไม่ถนัด ทำให้เธอต้องใช้เวลานานที่จะเรียนรู้ ประยุกต์ตัวเองให้เข้ากับคู่ต่อสู้ที่มีแนวทางการต่อสู้อย่างหลากหลาย
มิเชล ใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าเธอจะสร้างชื่อเสียงจนได้เข้าร่วมกับ Invicta ค่าย MMA ของผู้หญิงที่โด่งดังที่สุดในโลก เมื่อปี 2012 และเธอใช้เวลาเพียงแค่ 2 ไฟต์ ในการคว้าแชมป์รุ่นอะตอมเวท หรือรุ่น 44-48 กิโลกรัมของสมาคมมาครองได้สำเร็จ
ความร้อนแรงของมิเชล กับสังเวียน Invicta ทำให้ในปี 2015 UFC สมาคม MMA ที่โด่งดังที่สุดของโลก ตัดสินใจเซ็นสัญญากับเธอ ซึ่งเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ มิเชล วอเตอร์สัน ในฐานะนักสู้บนสังเวียน
นับแต่นั้นเป็นต้นมา มิเชลยังคงเดินทาง กับการต่อสู้เพื่อล่าแชมป์ UFC ผ่านช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จ และล้มเหลว ซึ่งทำให้เธอแข็งแกร่ง เติบโตขึ้นในฐานะนักสู้ แม้จะยังไม่มีเข็มขัดแชมป์ของสมาคมนี้มาครอบครอง แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยังคงมีไฟในการต่อสู้เสมือนตอนยังเป็นเด็ก 10 ขวบที่ตกลงหลุมรักกีฬาประเภทนี้ไม่เคยเปลี่ยน
“ฉันไม่อยากให้อายุมาเป็นสิ่งที่หยุดเส้นทางของตัวเอง สิ่งที่ฉันทำมาตลอด คือการเรียนรู้ตลอดเวลา แน่นอนว่ามีช่วงเวลาที่ฉันท้อแท้ อยากจะเลิก คิดที่จะไปทำอย่างอื่น แต่สุดท้ายฉันก็รู้ว่า นี่คือความรักของฉัน และฉันต้องทุ่มเทให้กับสิ่งที่ตัวเองรัก การได้เรียรู้และเติบโต ในฐานะนัก MMA คือเรื่องที่มหัศจรรย์”
Photo : www.mmafighting.com
มิเชล วอเตอร์สัน กำลังได้โอกาสสำคัญที่จะทำในสิ่งที่เธอรักอีกครั้ง ในฐานะคู่เอกของศึก UFC on ESPN 24 ในวันที่ 8 พฤษภาคม ตามเวลาที่สหรัฐอเมริกา หรือวันที่ 9 ช่วงเช้าของประเทศไทย
ซึ่งในไฟต์นี้ มิเชลได้ขยับขึ้นมาจากรุ่นสตรอวเวท มาหาความท้าทายใหม่ในรุ่นฟลายเวท ซึ่งเธอจะได้เจอกับ มารินา โรดิเกวซ นักสู้ MMA ที่เคยแพ้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยผู้ชนะในคู่นี้ จะมีโอกาสปูเส้นทางที่จะก้าวไปแชมป์โลกในโอกาสต่อไป
“ฉันเชื่อว่าสักวันฉันจะไปถึงจุดนั้น (การได้สู้ในแมทช์ชิงแชมป์) หากฉันเก็บชัยชนะต่อไปเรื่อย ๆ ฉันรู้สึกว่าในอนาคต คงจะพูดเรื่องนี้ได้เต็มปาก แต่ตอนนี้ฉันขอโฟกัสแค่การต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง และล้มคู่ต่อสู้ลงให้ได้”
การแข่งขันที่กำลังจะมาถึงนี้ คือหนึ่งในไฟต์ที่สำคัญมากกับชีวิตนัก MMA ของนักสู้รายนี้ ที่จะกำหนดอนาคตเส้นทางของเธอต่อไป แต่ต่อให้เธอไม่สามารถกำชัยในไฟต์ ก็ไม่ได้หมายความว่า เส้นทางของเธอจะยุติลงแค่นี้ เพราะสุดท้ายแล้ว การต่อสู้ในสังเวียนคือสิ่งที่เธอรัก และต่อให้ล้มไปอีกกี่ครั้ง เธอจะกลับมาอย่างแน่นอน