‘มาร์ค’ ชี้รธน.เปิดช่องแคนดิเดตนายกฯ ทำหลายคนไม่ลงสมัคร ส.ส. ขอบคุณเสียงหนุนให้กลับลงการเมือง แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสม
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 31 มี.ค. 2566 ที่ชุมชนบ้านใหม่ ซอยเจริญกรุง 85 เขตบางคอแแหลม กรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่ช่วยนายอภิมุข ฉันทวาณิช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตยานนาวา-บางคอแหลม พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียง ว่า การที่ตนไปช่วยหาเสียงในพื้นที่ต่างๆ ขึ้นอยู่กับผู้สมัครส.ส.แต่ละคนจะขอมา ตนพยายามจัดตารางเวลาให้ สำหรับการช่วยนายอภิมุขลงพื้นที่ เพราะตนเคยเป็นส.ส.ในเขตบางคอแหลมมาก่อน และรู้จักกับผู้สมัครเป็นอย่างดี รู้ถึงความผูกพันระหว่างผู้สมัครกับประชาชนในพื้นที่ ไม่ยากอะไรที่จะมาขอความไว้วางใจให้นายอภิมุข
เมื่อถามว่าจากที่ได้ดูโยบายของพรรค ปชป.ครั้งนี้แล้ว คิดว่าจะโดนใจประชาชนหรือไม่ และทำให้พรรค ปชป.กลับได้อีกครั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นโยบายพรรคเป็นเรื่องของผู้บริหารพรรค ซึ่งมีผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ และมีผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้เป็นคนดูอยู่ ทั้งนี้ ตนทราบว่าคณะจัดทำนโยบายได้ทำกระบวนการรับฟัง ศึกษาและหาข้อมูล รวมถึงประมวลออกมาเป็นนโยบายที่เขามั่นใจว่าปฏิบัติได้จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรต่อกรณีที่มีผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบางคนไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ทำอย่างนี้ แต่ตนยังอยากเห็นระบบของเราเป็นเหมือนกับระบบรัฐสภาในประเทศอื่นๆ คนที่เข้ามาทำงาน แม้ไปทำงานในฝ่ายบริหาร ยังต้องรับผิดชอบงานในฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะนั่นคือโครงสร้างของระบบรัฐสภาที่จะทำให้การบริหารงานราบรื่น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าข้อผิดพลาดในหลายๆ ยุค คือความเชื่อที่ว่าฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติแยกออกจากกันได้ แล้วเมื่อมีช่องว่างและระยะห่างจะเกิดปัญหา เช่นในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเมื่อฝ่ายบริหารไม่มีทิศทางที่ชัดเจน งานนิติบัญญัติก็ไม่สามารถเดินได้ สะดุดตลอดเวลา
“ใจผมอยากให้ผู้ที่ทำงานฝ่ายบริหารควรเป็นผู้ที่มาจากการเลือกตั้งด้วย แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ผู้ที่เป็นนายกฯ ไม่จำเป็นต้องมาจาก ส.ส. ทำให้ไม่ใช่มีเฉพาะกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ไม่ลงสมัคร ส.ส. แต่ยังมีนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ล้วนไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.ด้วย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าในการปราศรัยเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ประกาศว่าถ้ากรีดเลือดออกมา ก็เป็นสีฟ้า จะได้เห็นกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะตนพูดเสมอว่าการจะทำงานการเมืองเต็มตัว ต้องมีปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เราเชื่อว่าเราทำประโยชน์ได้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค ประชาชน และความคิดของสังคมในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาด้วย
“ในการเลือกตั้งตั้งครั้งนี้ ผมคิดว่ายังไม่เหมาะที่จะกลับไปลงสมัค รส.ส. จึงมาสนับสนุนพรรคฯ ในฐานะสมาชิกพรรค ส่วนอนาคตต้องแล้วแต่ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าผมจะอยู่ในฐานะใด ถือว่าทำประโยชน์ได้ในฐานะประชาชชนคนหนึ่ง เอาความคิด ความอ่าน ประสบการณ์ มีอะไรก็แนะนำทุกคนได้อยู่แล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าถ้าการเมืองมีการปลดล็อกเรื่อง ส.ว. ในการเลือกนายกฯ แล้ว จะมีโอกาสที่นายอภิสิทธิ์กลับมาเล่นการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะเรื่องกติกา ตนเป็นคนที่อยู่ในระบบ รวมถึงระบบของพรรค นอกจากนี้ ตนไม่เชื่อเรื่องการยึดตัวเองเป็นหลัก และไม่เคยคิดว่าจะสร้างพรรคการเมืองมาเพื่อรองรับตัวเอง แต่คิดว่านักการเมืองควรตระหนักว่าทุกคนเป็นแค่คนคนหนึ่งในระบบเท่านั้น ส่วนตนเล่นตามกติกาในระบบแบบนี้ ถ้าตนจะกลับมา ต้องหมายความว่าสมาชิกพรรคเห็นสมควรให้ตนกลับมา และสังคมให้โอกาสเข้าไปทำงาน ไม่ใช่ขึ้นกับตัวเราอย่างเดียว
เมื่อถามว่าถ้ามีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ชุดใหม่ แล้วสมาชิกเลือกให้นายอภิสิทธิ์กลับมา จะกลับมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครตอบได้ ยังไม่ถึงเวลา เพราะตอนนี้มีการเลือกตั้งใหญ่รออยู่ ซึ่งสมาชิกพรรคต้องมาใส่ใจเรื่องนี้ก่อน
เมื่อถามว่ามีสมาชิกพรรค ปชป.ในปัจจุบันมีเรียกร้องให้กลับมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนมีแฟนคลับทั้งนั้น และมีคนชังด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา ตนขอขอบคุณใครก็ตามที่ให้การสนับสนุน แต่ทุกคนเข้าใจเหตุผลที่ตนเคยให้ เพราะตนตรงไปตามกับสาธารณะมาตลอด
เมื่อถามว่ามีหลายคนบอกว่ารอให้นายอภิสิทธิ์กลับมา แต่ตอนนี้เขาขอย้ายออกไปก่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องรอดูต่อไป