มายด์ลั่น คิดให้ดีก่อนสลายชุมนุม เวทีโลกจะคิดอย่างไร แค่ต้องการบอกความจริง รัฐบาลไม่ชอบธรรม ไม่กระทบภาพลักษณ์ประเทศ คงกระทบต่อบิ๊กตู่เท่านั้น
วันที่ 16 พ.ย.2565 น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือน้องมายด์ แกนนำกลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการชุมนุมช่วงวันที่ 16-18 พ.ย. โดยการเคลื่อนขบวนไปที่ประชุมเอเปคในวันที่ 18 พ.ย.นั้น ถ้าหากจะเกิดความรุนแรง คนเริ่มจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่เรา เจ้าหน้าที่เองต้องคิดให้มาก คิดให้ดี ถ้าหากจะปราบปราบการชุมนุม ต้องมองให้ดีว่าถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย หรือไม่ และต้องคิดให้ดีว่า หากสลายการชุมนุมขึ้นมา เวทีโลกจะมองว่าอย่างไรด้วย
สำหรับการชุมนุมทั้ง 3 วันนี้จะมีกิจกรรมที่แตกต่างกัน อยากให้ทุกคนรอติดตามว่าจะทำอย่างไร ใช้ยุทธวิธีแบบไหนเพื่อนำข้อเรียกร้องของเราไปให้ใกล้เวทีมากที่สุด ส่งถึงรัฐบาลให้ได้ตรงที่สุด รวมถึงยื่นข้อเสนอเหล่านี้เพื่อบอกความจริงต่อเวทีต่างชาติด้วย
เราต้องการนำข้อเรียกร้องไปให้ใกล้เวทีการประชุมมากที่สุด และอยากให้ต่างชาติรับรู้ถึงพลังของประชาชนด้วยว่า พวกเราเองก็มีความเข้มแข็งมากพอในการงัดคานรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม และเข้มแข็งมากพอที่จะบอกกล่าวปัญหาที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดนี้ให้สังคมโลกได้รับรู้ด้วย
เมื่อถามว่าทางเจ้าหน้าที่เข้มงวดความปลอดภัยอย่างมาก กังวลหรือไม่ หากมีการเคลื่อนขบวน น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ด้วย ว่าเจ้าหน้าที่อยู่ในจุดไหน อย่างไร มีความเข้มข้นในการที่ไม่อยากให้เราเข้าไปมากน้อยแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วก็ยังยืนยันคำเดิมว่า สิทธิเสรีภาพในการพูด เป็นของประชาชน ที่จะต้องส่งเสียงได้ และรัฐเองต้องรับฟง
โดยขณะนี้มีพี่น้องทางเหนือและอีสาน ถูกสกัดกั้นทั้งบนรถไฟ พี่น้องบางส่วนถูกสกัดกั้นจากรถตู้ที่เคลื่อนมาจากอีสานด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่ 1-2 ครั้ง ขั้นต่ำคือ 5 ครั้งใน 1 ขบวน ไม่เข้าใจทำไมเจ้าหน้าที่ต้องสกัดกั้นมากขนาดนั้น
ไม่ให้ประชาชนเข้ามาใช้สิทธิเสรีภาพมากขนาดนั้นเลยหรือ ทั้งๆ ที่ประเด็นในครั้งนี้เป็นเชิงทรัพยากร ไม่เข้าใจทำไมตำรวจถึงทำขนาดนั้น อยากเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะทำอะไรคำนึงถึงหลักประชาธิปไตยให้มาก และการที่พี่น้องดั้นด้นมาถึงกรุงเทพฯ เพราะว่าปัญหาที่ได้พบเจอไม่เคยได้รับเสียง ส่องไปถึง ไม่ได้รับการพูดถึงจากรัฐบาลอย่างจริงใจเลย การสกัดกั้นไม่ทำให้เป็นผล ไม่ว่าอย่างไร พี่น้องจะเดินทางมาถึงที่นี่ และจะส่งเสียงให้ได้มากที่สุดอยู่ดี
ถ้าทาง กทม. ไม่ให้ค้างคืน ก็ต้องเจรจาว่ามีพี่น้องจากต่างจังหวัด ที่เดินทางมาและไม่มีที่พัก เราคงไม่สามารถให้พี่น้องไปอยู่ที่อื่นได้ กทม.ก็คงไม่ใจร้ายถึงขนาดไล่พี่น้องออกจากพื้นที่ แล้วให้พี่น้องไปนอนที่ไหนก็ไม่รู้ สุดท้ายถ้าหากจะมีการเอาคนออกจากลานคนเมืองจริงๆ ก็คงต้องมีการเจรจาความจำเป็นต่อไป
ส่วนเรื่องกระทบกับภาพลักษณ์ประเทศนั้น คงเป็นการกระทบภาพลักษณ์ของรัฐบาลมากกว่า เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พยายามจะใช้เวทีนี้ เป็นผลงานหนึ่งของรัฐบาลตัวเอง และนโยบายต่างๆ ที่นำเสนอ จำเป็นต้องพูดถึงความจริง ว่าไม่ได้ก่อร่างสร้างตัวมาจากประชาชน ไม่มีส่วนร่วมออกแบบตั้งแต่แรก
ถ้าหากเรายิ่งเข้มแข็ง ยิ่งเรานำเสนอความจริงได้ว่านโยบายนี้ส่งผลต่อพวกเราอย่างไร ถ้าหากนโยบายดำเนินไปจะส่งผลระยะยาวถึงทรัพยากรในประเทศ ถึงอาหาร ถึงยา ถึงอากาศ ทุกอย่างที่เป็นสิทธิของประชาชนจะกระทบทั้งหมด ฉะนั้น ตัวเราเองจึงต้องมากันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดนโยบายที่แก้ทีหลังได้ยาก