‘มาญ่า’ไม่ทิ้งฝัน อยากนั่งแท่นผู้กำกับฯ – หวังเก็บเกี่ยวประสบการณ์งานในวงการบันเทิง เพื่อสานฝันเป็นผู้กำกับการแสดงให้ได้ สำหรับสาวน้อยคนเก่ง ‘มาญ่า’ ฌนิศชา พิมล์ทอง พิธีกรรายการ “สีสันบันเทิง” ทางช่อง 3 และนักแสดงสังกัดช่อง 3
วันนี้มาทำความรู้จักกับสาวน้อยคนนี้กัน
จุดเริ่มต้นเข้าวงการ?
มาญ่า – “ถ้าเริ่มเข้าวงการครั้งแรกอายุ 13 ปี ประกวดเวที Young Model 2013 ได้ท็อป 7 คนสุดท้าย แล้วก็มีผลงานละครต่อทางช่อง 7 จนมาประกวดมิสทีนไทยแลนด์ 2017 ได้ท็อป 15 คนสุดท้าย มีงานละครเข้ามาเรื่อยๆ ประจวบกับได้งานพรีเซ็นเตอร์น้ำยาย้อม ผมค่ะ”
คุณแม่ซัพพอร์ตมากขนาดไหน?
มาญ่า – “ซัพพอร์ตค่ะ ไม่ว่าอยากจะไปประกวดหรืออยากทำกิจกรรมอะไร คุณแม่ไม่ห้ามเลยค่ะ สำหรับหนูรู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรยาก แค่ได้ลองทำก่อน อย่าไปตั้งธงว่าเราทำไม่ได้ ให้ทำก่อน ยังไงมันก็จะมีทางแก้ อยู่ที่ว่ามันเหมาะ หรือไม่เหมาะกับเรามากกว่า”
ตอนนี้เรียนอยู่ที่ไหน?
มาญ่า – “ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปี 2 คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพค่ะ ซึ่งอนาคตหนูอยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ค่ะ หนูวางแพลนมาตั้งแต่มัธยมฯแล้ว หนูชอบดูภาพยนตร์ และมีความคิดอยากจะพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยค่ะ”
เส้นทางสู่นักแสดง?
มาญ่า – “เหมือนมาเรื่อยๆ เก็บเล็ก เก็บน้อย ปีหนึ่งอาจจะมีมาบ้าง แต่ไม่ได้เป็นเมนหลักซะทีเดียว ถ้าเป็นเมนจริงๆ ก็ช่วงอายุ 19 ปีค่ะ มีผลงานละคร ซีรีส์ ภาพยนตร์ แคสต์มาเยอะค่ะ แคสต์โฆษณาด้วย การแข่งขันสูงมาก แต่ละงานเขาก็ไม่ได้ต้องการคนที่เก่ง เพอร์เฟ็กต์มากๆ เขาแค่ต้องการคนที่ตรง คาแร็กเตอร์”
“แล้วหนูก็เลิกตั้งคำถามไปแล้วว่าฉันไม่ดีตรงไหน เพราะรู้สึกว่าแต่ละที่ เขาจะมีจุดของเขาว่าต้องการคนแบบนี้ แค่เรายังอยู่ไม่ถูกที่ ไม่ถูกจุด ก็มีทั้งได้และไม่ได้ เจ็บกับการแคสต์โฆษณามาเยอะมากๆ ค่ะ beauty privileges/ beauty standard ในสังคมไทย มันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ (ยิ้ม)”
ไปยังไงมายังไงถึงได้มาทำพิธีกร สีสันบันเทิง?
มาญ่า – “ญ่าได้เข้าไปแคสต์ในฐานะนักแสดงของช่อง 3 เหมือนผู้ใหญ่เห็นแวว เห็นว่าพูดชัดถ้อยชัดคำ พูดจาฉะฉาน เลยให้ไปแคสต์เป็นพิธีกรรายการสีสันบันเทิงดูค่ะ ตื่นเต้นมาก ตอนแรกหนูรู้สึกว่ายังไม่เหมาะกับรายการสีสันบันเทิง พอมารู้ว่าผู้ใหญ่เลือกเราจากที่เราเป็นตัวเอง เราก็ทำไปและค่อยๆ ปรับไปเรื่อยๆ อาจจะยังไม่สมบูรณ์ที่สุด แต่ก็ออกมาในขั้นที่พอใจในระดับหนึ่ง ก็ทำมา 1 ปีแล้วค่ะ”
“หนูเซ็นสัญญาสีสันมา 1 ปี แล้วเพิ่งได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงช่อง 3 ช่วงกลางปีที่แล้วนี้เองค่ะ ก็ไม่คิดไม่ฝัน มันอยู่ที่จังหวะ เวลา และโอกาสจริงๆ หนูอยู่วงการมาตั้งแต่อายุ 13 ปี ถ้ามันใช่ตั้งแต่ตอนนั้นมันก็ดี เลยรู้สึกว่าทุกอย่างที่คนพูดว่าอยู่ในวงการมา 10 ปี ทำไมไม่ดังสักที มันอยู่ที่เวลาค่ะ ว่าเรามาถูกที่ไหม โอกาสมันก็จะมาให้เราโดยอัตโนมัติ”
ชีวิตเปลี่ยนไปไหม หลังเซ็นสัญญา?
มาญ่า – “เปลี่ยนค่ะ เห็นชัดเลย ตอนแรกที่อยู่ในวงการ เราก็รู้สึกว่าเรามีงานนะ แต่ทำไมคนถึงไม่รู้จักเราเลย แต่พอได้เป็นพิธีกร สีสันเขาขึ้นอินสตาแกรม ให้คนก็จะมาฟอลโลว์ บอกว่าตามมาจากรายการ หรือแม้กระทั่งเราเดินออกไปไหน เขาก็จะบอกว่าน้องหน้าตาคุ้นจัง พอเราบอกสีสันบันเทิง เขาก็อ๋อขึ้นมา มันเหมือนเป็นนามสกุลติดตัวค่ะ”
อัพเดตผลงานแสดงหน่อย?
มาญ่า – “ที่จะมีเร็วๆ นี้คือภาพยนตร์เรื่อง หร่อยจังจ้าว ค่ะ จะเข้าฉายวันที่ 20 มกราคมนี้ค่ะ จริงๆ ถ่ายมาสักพักหนึ่งแล้ว เพิ่งจะได้ฉายที่โรงภาพยนตร์ อยากให้ทุกคนติดตาม เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกเลยค่ะ รับบทเป็น แพร ผู้หญิงที่ดูเกินวัยนิดนึงค่ะ เป็นฟีลความรักในวัยที่จะแต่งงาน เป็นคู่แต่งงานแล้วแต่เหมือนยังไม่ลงตัวในชีวิต ต้องไปตามดูค่ะ มันไกลตัวหนูมากจริงๆ ตอนทำการบ้านคือดูหลายอย่างเลย เป็นหนังโรแมนติก คอมเมดี้ค่ะ หนูว่าเรื่องนี้ตอบโจทย์คนไทย มากๆ ค่ะ”
เห็นมีซีรีส์ด้วย?
มาญ่า – “ใช่ค่ะ เป็นซีรีส์จีน เรื่อง You light up my life again ฉายที่ประเทศจีน และอาจจะมีในแพลตฟอร์มของไทยด้วย ญ่าเป็นหนึ่งในนักแสดงไทย 3 คน ที่ได้เล่นในซีรีส์จีนค่ะ รับบทเป็นเพื่อนนายเอกค่ะ จะเป็นฟีลวัยมหาวิทยาลัย แนวปั๊ปปี้เลิฟ แต่ญ่าเล่นเป็นคนจีนนะคะ เขาก็จะไปพากย์เสียงจีนทับเอา”
ที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
มาญ่า – “ถ้าเป็นของจีน ญ่าได้เรียนรู้การทำงานกับคนจีนจริงๆ ได้รู้ทักษะ ระเบียบวินัยของเขา ญ่าได้ทำงานกับผู้กำกับฯประเทศจีน รู้สึกไม่เหมือนของไทย โปรดักชั่นก็ไม่เหมือน หนูต้องจำบททั้งของตัวเองและของเพื่อน ยากมาก ช่วงนั้นเครียด ทำการบ้านหนักมาก หนึ่งเราต้องฝึกภาษาอังกฤษ กดดันด้วย ส่วนการทำงานกับคนไทยด้วยกัน เราก็พัฒนา เพราะทุกๆ กองมีรายละเอียดไม่เหมือนกันค่ะ”
“ซึ่งการที่เราเป็นนักแสดง จุดสูงสุดคือการที่คนดูเข้าใจสิ่งที่เราอธิบาย แล้วหนูก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องดัง หนูแค่อยากให้คนจดจำในฐานะตัวละครนั้นว่าเราเป็นแบบนี้”
ไม่ทิ้งความฝันเป็นผู้กำกับฯ
มาญ่า – “ไม่ทิ้งค่ะ ผู้กำกับฯ คือความฝันสูงสุดจริงๆ ในชีวิตเป็นอาชีพที่เราอยากจะเป็นในอนาคต แล้วหนูก็คิดว่าฝันต้องเป็นจริง”
“แต่ก่อนที่เราจะเดินไปตามความฝัน เราต้องเก็บทุกอย่างระหว่างทางเพื่อจะไปถึงจุดๆ นั้นให้ได้ค่ะ”
สุชาวดี อภิสัมภินวงค์