มติชนโชว์กำไร 9 เดือน 203.85 ล้าน เอ็มดีชี้ผลปรับยุทธศาสตร์-ออนไลน์พุ่ง
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. น.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการบริษัทมติชน จำกัด ( มหาชน ) ชี้แจงผลการดำเนินงานของเครือมติชนไตรมาส 3 ปี 2564 ต่อกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า สำหรับไตรมาส 3 ประจำปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 186.92 ล้านบาทเทียบกับ ไตรมาส 3 ปี 2563 ที่มีรายได้รวม 183.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.78 และสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 680.11 ล้านบาท เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 499.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.18
รายได้รวมที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ธุรกิจปี 2564 รองรับสถานการณ์โควิด 19 โดยตั้งเป้าหมายว่าในระหว่างปี 2564 ต้องเร่งสร้างรายได้จากสื่อออนไลน์ ปรับรูปแบบกิจกรรมทางการตลาด พร้อมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินโดยการบริหารจัดการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว เพื่อรองรับความผันผวนและความไม่แน่นอนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี
น.ส.ปานบัว ระบุในคำชี้แจงว่า บริษัทดำเนินงานบรรลุเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ โดยรายได้จากโฆษณาออนไลน์ในไตรมาส 3 ปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.10 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 ขณะที่ความสำคัญของรายได้โฆษณาออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยพิจารณาจากสัดส่วนรายได้โฆษณาออนไลน์ ต่อรายได้โฆษณารวมในไตรมาส 3 ปี 2563 ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 50.17 เพิ่มเป็นร้อยละ 59.52 ในไตรมาส 3 ปี 2564 สะท้อนให้เห็นถึงการเดินหน้าปรับตัวเข้าสู่สื่อยุคใหม่อย่างเต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น ตัวเลขรายได้เชิงบวกดังกล่าวเป็นผลสะท้อนมาจากประสิทธิภาพในการบริหารจัดการแหล่งที่มารายได้จากดิจิทัลแอดส์ประเภทต่างๆ ให้มีศักยภาพสูงสุด
เฉพาะการเติบโตด้านวิดีโอแอดส์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย สำหรับ Facebook ช่วงไตรมาส 3 ของปี 2564 พบว่ามีอัตราปรับตัวเชิงบวก สอดคล้องกับยุทธศาสตร์บริษัทฯ ในการดำรงสถานะผู้นำสื่อโซเชียลมีเดีย โดยสัดส่วนการเติบโตด้านรายได้เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 105 ซึ่งล่าสุด เฟซบุ๊ค ไทยแลนด์ ได้ประกาศมอบรางวัลเพจที่มียอดชมสูงสุด สาขาผู้ผลิตข่าวประจำปี 2564 หรือ Most Watched Facebook Page under News Publisher of the Year 2021 ให้กับเพจ Khaosod – ข่าวสด ในเครือมติชน ขณะที่รายได้วิดีโอแอดส์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย สำหรับ YouTube ตัวเลขไตรมาส 3 ปี 2564 สูงกว่าห้วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ประมาณร้อยละ 130
กรรมการผู้จัดการเครือมติชน ระบุอีกว่า ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาส 3 ที่ภาคธุรกิจประสบความยากลำบากมากกว่าปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถปรับการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพความผันผวนได้อย่างรวดเร็ว ทันสถานการณ์ โดยปรับรูปแบบการจัดกิจกรรม อาทิ มหกรรมสุขภาพออนไลน์ “เฮลท์แคร์ 2021 วัคซีนประเทศไทย” “แคมเปญข่าวสด-มติชน ยูโร 2020” และ “ข่าวสด มติชน โตเกียวเกมส์ 2020” รวมถึงจัดสัมมนาในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งแบบออนไลน์และแบบไฮบริด
ส่งผลให้รายได้โฆษณารวมในไตรมาส 3 ปี 2564 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาส 2 ร้อยละ 11.35 ส่วนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยการบริหารจัดการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น บริษัทฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นรับผิดชอบโดยเฉพาะ เพื่อจัดหาผู้ซื้อที่นำเสนอเงื่อนไขที่ดีที่สุด ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ธุรกิจ 2564 การซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นไปตามสารสนเทศที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 และวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ซึ่งจากการดำเนินงานตามที่ชี้แจงข้างต้น ทำให้งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวมทั้งสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่นรวมเป็นเงิน 1,164.02 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 59.41 ของสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น
ส่วนต้นทุนขายและบริการและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในงวด 9 เดือน ประจำปี 2564 มีจำนวน 451.46 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีจำนวน 486.53 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนหลักที่สำคัญคือ ต้นทุนขายและการผลิตลดลงร้อยละ 5.67 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงร้อยละ 10.10
คำชี้แจงของ
น.ส.ปานบัวระบุอีกว่า ผลจากการปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสามารถดำเนินการบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนด ทั้งการเติบโตของรายได้ การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเงิน ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไตรมาส 3 ประจำปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 34.67 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 ที่กำไรสุทธิ 18.12 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น ร้อยละ 91.34 และผลประกอบการงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 203.85 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2563 ที่กำไรสุทธิ 7.78 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 2,520.18