ภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral Aneurysm) คืออะไร?
ภาวะหลอดเลือดโป่งพอง เกิดขึ้นบริเวณหลอดเลือดที่อ่อนแอ ซึ่งโดยทั่วไปจะขยายพองขึ้น บ่อยครั้งเรียกว่าเป็น “ภาวะการโป่งพอง” ของหลอดเลือด ภาวะหลอดเลือดโป่งพองตามปกติเกิดขึ้นตามหลอดเลือดแดงที่สำคัญที่อยู่ลึกภายในโครงสร้างสมอง ในระหว่างการผ่าตัดเมื่อเข้าใกล้บริเวณที่เกิดหลอดเลือดโป่งพอง เนื้อเยื่อสมองที่เป็นปกติจะต้องถูกผ่าแยกอย่างระมัดระวังเพื่อเปิดออก ภาวะหลอดเลือดโป่งพองอาจเกิดขึ้นได้ในสมองส่วนหน้า (ระบบไหลเวียนส่วนหน้า) หรือส่วนหลังของสมอง (ระบบไหลเวียนส่วนหลัง)
ภาวะหลอดเลือดโป่งพอง (Aneurysms) พบได้บ่อยเพียงใด
ประมาณร้อยละ 1.5 ถึง 5 ของประชากรทั่วไปมีอาการหรือจะเกิดอาการภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง คนระหว่างร้อยละ 0.5 และ 3 ที่มีภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพองอาจเกิดอาการเลือดไหลได้
ภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพองมีความแตกต่างกันออกไป ตามขนาดของบริเวณหลอดเลือดที่มีอาการ ภาวะหลอดเลือดโป่งพองมีขนาดแตกต่างกันออกไป เช่น
- ภาวะหลอดเลือดโป่งพองขนาดเล็กมีขนาดเล็กกว่า 5 มม. (1/4 นิ้ว)
- ภาวะหลอดเลือดโป่งพองแบบปานกลาง มีขนาด 6–15 มม. (1/4 ถึง 3/4 นิ้ว)
- ภาวะหลอดเลือดโป่งพองขนาดใหญ่ มีขนาด 16–25 มม. (3/4 ถึง 1 1/4 นิ้ว)
- ภาวะหลอดเลือดโป่งพองขนาดยักษ์ มีขนาดใหญ่กว่า 25 มม. (1 1/4 นิ้ว)
ภาวะหลอดเลือดโป่งพองมีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง
โดยทั่วไป การรักษาภาวะหลอดเลือดโป่งพอง สามารถทำได้ใน 3 แนวทาง ได้แก่
- การรักษาทางการแพทย์
- การผ่าตัดสมอง
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาระบบประสาท (Neurointerventionalist) หรือประสาทรังสีแพทย์ (neuroradiologist)
การรักษาขึ้นอยู่กับขนาดของภาวะหลอดเลือดโป่งพอง ตำแหน่งและรูปร่าง และแม้แต่ปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคลด้วย อาการนี้อาจสามารถรักษาได้จากภายในหลอดเลือด อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อเปิดหลอดเลือด โดยขึ้นอยู่กับขนาดของสภาวะการโป่งพอง ตำแหน่งที่เกิดและรูปร่าง และแม้แต่ปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วย อาจใช้วิธีการรักษาแบบภายใน (ภายในหลอดเลือด) อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อเปิดหลอดเลือดด้วย ขึ้นกับประเภทการรักษา มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ต้องทำสองประการ เพื่อติดตามผลหลังการรักษาสภาวะหลอดเลือดโป่งพอง
- การผ่าตัดแล้วใช้คลิปหนีบ (clipping)
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาระบบประสาท (Neurointerventionalist) หรือประสาทรังสีแพทย์ (neuroradiologist)
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในการรักษาภาวะหลอดเลือดโป่งพอง
กว่าที่ภาวะหลอดเลือดโป่งพองจะได้รับการรักษาอย่างปลอดภัยมักจะเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดเลือดออกซ้ำ และทำให้สมองเสียหายเพิ่มขึ้น ถ้าหลอดเลือดปกติได้รับความเสียหาย อาจทำให้เกิดความเสียหายกับสมองมากขึ้น กรณีนี้ อาจทำให้เกิดอาการอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาตที่แขนหรือขา พูดหรือเข้าใจลำบาก สูญเสียการมองเห็น สับสน สูญเสียความทรงจำและ/หรืออาการชัก และยังอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสูญเสียความรู้สึก การติดเชื้อ เลือดออก รวมทั้งไตได้รับความเสียหายจากสีย้อมเอ็กซเรย์ และปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ความเสี่ยงเหล่านี้จะต้องได้รับการพิจารณาอย่างระมัดระวังเมื่อตัดสินใจเลือกวิธีการรักษา และถ้าภาวะหลอดเลือดโป่งพองไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดเลือดออกหรือก้อนเลือดมีขนาดโตขึ้นได้
ตามปกติ สภาวะหลอดเลือดโป่งพองไม่ได้มีมาแต่กำเนิด คนส่วนมากมักมีอาการนี้หลังอายุ 40 ปี ไปแล้ว ในบางกรณี ซึ่งไม่บ่อยนักภาวะหลอดเลือดโป่งพองอาจเป็นภาวะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดผ่านสมาชิกในครอบครัว
ในกรณีอื่นๆ ภาวะหลอดเลือดโป่งพองอาจเกิดจากการติดเชื้อ การใช้ยาเสพติด เช่น แอมเฟตามีน และโคเคนที่ทำลายหลอดเลือดสมอง หรือการได้รับบาดเจ็บที่สมองโดยตรงจากอุบัติเหตุ Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด