เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 เวลา 19.00 น. .พ.ต.ต.ธนิตศกัดิ์ สัจจะวีระชัย สว.(สอบสวน) สน.สำราญราษฎร์ ได้รับแจ้งเหตุมีคนยิงตัวเองตายมีผู้บาดเจ็บ บริเวณร้านดีเจริญยิ่ง บ้านเลขที่ 58 ถนนบริพัตร แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานครฯ จึงได้รีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร. รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ จินดาหลวง รอง ผกก.สส.สน.สำราญราษฎร์ และฝ่ายสืบสวน สน.สำราญราษฎร์ แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชสูง 3 ชั้น อยู่ติดริมถนนหน้าบ้านชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของ ชื่อร้าน “ดี ยิ่งเจริญ” ค้าขายเกี่ยวกับพระพุทธรูปและของชำร่วยและอุปกรณ์เครื่องประดับทำจากไม้ที่ชั้น 1 บริเวณที่พบศพคือด้านหลังบ้านใต้โต๊ะกินข้าว
ทราบชื่อผู้ตายคือนายนายปัญจภาต สู่พานิช อายุ 48 ปี สภาพนอนตะแคงขวาจมกองเลือด ใส่เสื้อยืดสีเทา สวมกางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลถูกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ยิงเข้าที่ศรีษะขมับขวาทะลุซ้าย อาวุธปืนยี่ห้อสมิธ ออโตเมติก ขนาด 9 มม. มีทะเบียนตกอยู่ใกล้กันกับผู้ตายมีผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นพ่อ ทราบชื่อคือ นายพิพัฒน์ สู่พาณิช อาย 80 ปี ถูกกระสุนปืนเฉี่ยวเข้าที่ต้นขาขวา 1 นัดได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งรพ.กลาง นอกจากนี้ยังพบหัวกระสุนตกอยู่ 1 ปลอกบนเก้าอี้ข้างตัวผู้ตาย
- ช็อก! นักธุรกิจใหญ่ตระกูลดัง ยิงตัวเองดับคารถ ซ.พัฒนาการ 54
- น้องสาวสุดเศร้า พี่ชายโทรมาขออโหสิกรรม ก่อนยิงตัวเองดับคาบ้าน!
- ผัวอารมณ์ร้อน! เตะเมียโชว์แม่ ก่อนกระหน่ำยิงดับ ซ้ำยิงตัวเองตายตาม
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้บ่นว่าเครียดกับคนในบ้าน 2-3 วันที่ผ่านมาบอกอยากฆ่าตัวตาย จนกระทั่งช่วง 6 โมงเย็น ของวันที่ 8 พ.ค. 2567 ผู้ตายได้มีปากเสียงกับพ่อ ก่อนเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อหยิบอาวุธปืน ผู้ตายนั่งขัดสมาธิใช้อาวุธปืนจ่อขมับพร้อมลั่นไกยิงตัวเอง จำนวน 1 นัดจนเสียชีวิต ซึ่งเป็นจังหวะที่พ่อผู้ตายยืนอยู่ใกล้ ๆ กัน ส่งผลให้กระสุนกระเด็นไปโดนถูกต้นขาของผู้เป็นพ่อจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุคาดว่าผู้ตายมีความเครียดเรื่องค้าขายและมีปัญหากับแฟนสาวคนใหม่ ประกอบกับญาติผู้ตายให้ข้อมูลว่าผู้ตายมีอาการป่วยซึมเศร้า
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะเชิญตัวญาติผู้เสียชีวิตเพื่อไปสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนร่างผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตรหาสาเหตุเพิ่มเติมที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป