ภรรยามอร์กะจาย เตือนอย่าชะล่าใจ หากหายโควิด หลังน้องพอลป่วยโรคอุบัติใหม่
ภรรยามอร์กะจาย – หลังครอบครัวเคยติดเชื้อโควิด-19 ทั้งบ้าน แต่รักษาจนหายแล้ว ล่าสุด พลอย-ธนพร ซัวเกษม ภรรยานักร้องดังยุค 90 มอร์ มอร์กระจาย-ธนพัชร์ ซัวเกษม โพสต์ภาพขณะพา ‘น้องพอล’ ลูกชายส่งโรงพยาบาลรามาฯ พร้อมเผยหัวอกแม่ใจจะขาด หลังตรวจพบเป็นโรคอุบัติใหม่
โดย พลอย ได้ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดบันเทิงออนไลน์ถึงเรื่องนี้ว่า “จากที่เคยสัมภาษณ์รอบที่แล้ว น้องพอลออกมา 2 เดือนก็ซนปกติเลย จนกระทั่งพุธที่แล้วน้องเริ่มซึมแล้วก็เพลีย มีไข้ เราก็ให้ยาลดไข้ปกติของเด็ก พอประมาณวันศุกร์ไข้ขึ้นสูงเป็น 38.7 องศาเซลเซียส รู้สึกไม่ค่อยโอเค
เลยพาน้องไปหาหมอ หมอก็วินิจฉัยว่าน้องน่าจะได้รับไวรัส เชื้อโรคจากอากาศ เพราะอากาศเปลี่ยน แล้วก็เป็นหวัด ก็ให้กินยาลดไข้ เช็ดตัวปกติ พอกลับมาบ้านวันเสาร์ปุ๊บไข้สูง วันนั้นสูงขึ้นถึง 39 องศาเซลเซียสเลย แล้วอาการอย่างอื่นก็คือเพลีย ปัสสาวะน้อย สีเข้มมาก ท้องอืด แล้วก็มีอาการเหมือนเขาไม่สนุก ไม่ร่าเริง ไม่ทานข้าว”
“พอเขาไข้สูงเราก็เริ่มวิตกว่าจะเป็นไข้เลือดออกหรือเปล่า หรือว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ ก็มีน้องที่สนิทกันแนะนำนูโรเฟน บอกว่าเป็นยาลดไข้สูงสำหรับเด็ก พี่ก็รีบไปหาซื้อมาให้ลูก พอทานเข้าไปครั้งแรก ไข้ลดเลย เหลือ 37.4 องศาเซลเซียส มันไม่สูงเราก็ดีใจ ไม่ถึง 4 ชั่วโมง อาการน้องกลับมาเด้งเป็น 39 องศาเซลเซียส
เราก็เริ่มไม่สบายใจ ตี 3 เราก็ลุกมาเช็ดตัวน้อง เพราะเหมือนมีเสียงคราง ร้องแบบไม่สบายตัว แต่บอกไม่ได้ก็จับดูตัวร้อนมาก เราใจไม่ดี เลยโทรไปที่แผนกฉุกเฉินที่โรงพยาบาลพญาไท เขาก็บอกว่าให้เช็ดตัวน้องสลับกับให้ยา ยังไม่ต้องมาตอนนั้น เพราะฉุกเฉินยังไม่มีหมอเด็ก เขาก็อยากให้รอช่วงเช้า พอช่วงเช้าเราพาน้องไป คุณหมอก็มาวินิจฉัยอีกทีก็บอกว่าน้องน่าจะเสี่ยงเป็นโรค mid-c
ซึ่งเราไม่รู้จักเลย พอหมอแกอธิบายปุ๊บ เราแทบล้มทั้งยืนเลย เพราะว่ามันอันตรายมาก แล้วก็เป็นโรคที่ยังไม่มีวิธีการรักษาที่แน่นอนเพราะมันเป็นโรคใหม่ พอรู้เขาก็บอกให้รีบส่งไปที่โรงพยาบาลที่มีอาจารย์แพทย์รองรับ ซึ่งเราก็รู้จักอาจารย์ที่โรงพยาบาลสินแพทย์เด็ก ท่านเก่งมาก แล้วท่านก็เอาเลือดของน้องไปตรวจ ประมาณ 4 โมงเย็นของเมื่อวาน
เขาบอกว่าน้องน่าจะมีแนวโน้มเป็น mid-c แน่นอน เพราะค่าการอักเสบเด้งไปประมาณ 275 แล้วก็ค่าตับ ค่าไตที่มันอันตรายมากสำหรับเด็ก ดังนั้นต้องรีบหาที่รักษาแล้วแอดมิตให้เร็วที่สุด ในระหว่างนั้นก็แอดมิตที่สินแพทย์ให้น้ำเกลือ เพราะน้องไม่ทานอะไรเลย เราก็เครียดมาก เพราะลูกต้องเจาะเลือด เจาะสายน้ำเกลือทั้ง 2 มือ แล้วเราก็ได้โรงพยาบาลรามาธิบดี อาจารย์ท่านประสานงานให้เราก็ย้ายมา และไม่ได้แยกกับลูกเลย”
“ลูกก็ต้องเข้าไอซียูเพื่อดูมอนิเตอร์ เมื่อคืนคุณหมอก็โทรมาเกือบทั้งคืนเลย ซึ่งตอนเที่ยงคืนท่านโทรมาแจ้งว่าการตรวจเอคโคหัวใจ ก็เจอรอยของโรคที่หัวใจน้อง เลยต้องให้ยาเร่งด่วน เกี่ยวกับการรักษาหลอดเลือดดำที่หัวใจ เราก็เครียดมากนอนไม่หลับ พอรู้ว่าเจอรอยที่หัวใจ โรคนี้มันอันตรายมาก พอได้ยาตัวนี้แล้วเราก็โล่งใจค่ะ ตอนนี้ก็รอว่าน้องจะมีการตอบสนองอะไรมั้ย”
โรคนี้จะติดคนในบ้านได้ไหม? “ไม่ค่ะ ไม่ใช่โรคติดต่อ มันเกิดจากการที่เราเป็นโควิด แล้วตอนเป็นน้องไม่มีอาการเยอะ ที่ไม่มีอาการเยอะ เพราะว่าหมอบอกว่าภูมิคุ้มกันเขาผลิตเยอะ พอผลิตจนล้น มันก็เลยไปทำลายเหมือนอักเสบในร่างกาย แล้วก็จะลามไปทุกจุด เท่าที่พี่ทราบมาอาการก็จะประมาณนี้ ซึ่งอันตรายมาก ถ้ารักษาไม่ทัน แต่นี่ยังดีที่เรามาเร็ว”
คนที่เป็นโควิดทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้? “เป็นช่วงวัย ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็จะเป็นผู้สูงอายุ อย่างพี่มอร์ และพ่อพี่ก็เป็นนะ เป็น mid-a มันเป็นโรคที่แบบถ้าเป็นน้องๆ ก็ต้องระวัง อย่างตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเป็นโรคใหม่ เราคิดว่าน้องหายก็คือหาย ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่แล้ว ถ้าเกิดเด็กเล็กที่เป็น พี่ก็อยากเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกครอบครัว ถ้าติดขึ้นมาให้เฝ้าระวัง 2-6 สัปดาห์ หลังจากที่กลับจากโรงพยาบาลอย่าชะล่าใจเด็ดขาด”
มันร้ายแรงกว่าโควิดอย่างไร? “ความหมายของเราที่ร้ายกว่าโควิดก็คือว่าตอนเป็นน้องไม่มีอาการ มันก็เลยไม่มีอะไร แต่พอได้กลับมา โรคนี้คือมันอักเสบข้างในเลย แล้วมันไม่ใช่แค่ปอด มันจะเป็นทุกระบบ แล้วสำคัญที่สุดคือหัวใจ แต่ยังดีที่น้องได้ยาตัวนี้เร็วภายใน 24 ชม.
อาการของแต่ละคนเราก็ไม่ทราบ เพราะว่ามันยังไม่ได้เกิดขึ้นกับหลายคน ซึ่งพี่ยังไม่เคยเห็นเด็กรอบตัวเป็นโรคนี้เลย แล้วเราก็เพิ่งรู้จักโรคนี้เมื่อวาน ก็เสิร์ชเลย พยายามตั้งสติ เพราะเวลาหาในอินเตอร์เน็ตบางทีมันจะทำให้เราหดหู่
น้องก็โชคดีที่ความดันยังปกติ ค่าอัตราการเต้นของหัวใจก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เราก็เลยดีใจ แต่ตอนที่เข้าไอซียู เราก็ค่อนข้างซีเรียสมากๆ เพราะห้ามเยี่ยมค่ะ ตอนนี้เราก็มานั่งหน้าห้องไอซียู แต่ก็ไม่เห็นหน้าลูกหรอกค่ะ”
คาดว่าจะได้ออกจากห้องไอซียูเมื่อไหร่? “เราก็ภาวนาขอให้เร็วที่สุด จะพรุ่งนี้ วันนี้ เราก็นั่งรออยู่ เราก็ตรวจ swab โควิดเรียบร้อย ผลออกมาเป็นลบ เราก็เอาเอกสารไปยืนยัน เพื่อที่จะเฝ้าไข้ค่ะ แต่ห้ามเยี่ยม”
คุณพ่อว่าอย่างไรบ้าง? “พี่มอร์เขายังไม่หายดี แกก็ซึมๆ เศร้าๆ คือตัวเองก็ยังไม่มีแรง เราก็บอกตัวเองว่าต้องตั้งสติ แต่เมื่อวานก็สติหลุด คุณหมอก็ปลอบกัน เพราะเขาเข้าใจว่าโรคอันตราย เมื่อคืนหมอโทรมาก็ได้ยินเสียงน้องร้อง เราก็เลยร้องไปด้วยค่ะ”
รักษานานไหมโรคนี้? “ตอนนี้เดาไม่ได้เลย ถ้าค่าการอักเสบหมดทุกอย่าง ตับปกติค่ะ อย่างคุณตาที่เป็นโรคเดียวกันที่รักษาของผู้ใหญ่ ก็ประมาณ 1 อาทิตย์ เราก็ภาวนาไม่ให้เกินนั้น แค่ขอให้น้องออกมาปกติ พี่ก็ดีใจแล้ว”
ช็อกไหม? “โห บอกได้เลยเมื่อคืนเมื่อวานลอยแล้ว ไม่รู้จะใช้คำว่ามืดไปหมด ตอนเป็นโควิดก็ว่าเครียดละนะ ตอนนี้มันที่สุดเลย เพราะน้องเขาพูดไม่ได้ สื่อสารไม่ได้ แล้วเขาก็งงว่าทำไมต้องมาอยู่คนเดียว ปวดใจค่ะ เขาก็ยังเจ็บอยู่ด้วย
แต่ก็พยายามไม่คิดแทนลูก เพราะถ้าคิดมากคุณหมอก็กลัวว่าร่างกายจะทรุด เพราะว่าเรากินข้าวไม่ได้ เมื่อวานคือไม่ได้กินอะไรเลย น้ำก็ไม่ได้ทานเลย คือมันกินไม่ลงจริงๆ”
ท้อไหม ปีนี้ป่วยทั้งครอบครัว? “มันบอกไม่ถูกเลยจะใช้คำว่าท้อหรือเศร้า หดหู่ ทุกข์ ทรมาน มันทุกสิ่งทุกอย่างที่แย่รวมกัน ซึ่งจำกัดความไม่ได้เลยว่ามันคืออะไร หลับตาไม่ได้เลยกลัว ไม่กล้าหลับตาเพราะว่ารอฟังโทรศัพท์ค่ะ กังวล หัวใจจะวายแต่ละครั้งที่หมอโทรมา”
แฟนคลับมอร์กะจายเป็นห่วง? “ทุกคนก็เป็นห่วง เพราะว่าไม่มีใครรู้จักโรคนี้เลย พยาบาลที่สนิทกัน เขายังบอกเลยมันคือโรคอะไร พี่ยังไม่รู้จักเลย เราต้องเสิร์ชเลย เพราะว่าถ้าอธิบายบางทีแต่ละเคสอาการไม่เหมือนกัน แต่ที่รู้คือไข้น้องสูง ไม่ลง 5 วันแล้ว”
ตอนนี้ฉีดวัคซีนครบกันหรือยัง? “ยังฉีดไม่ได้ค่ะ เพราะว่าพี่มอร์เขายังรักษาอยู่เลย ยังฉีดไม่ได้ ยังให้สเตียรอยด์อยู่ ส่วนตัวพี่น่าจะต้นปีค่ะ“