ฟิล์ม รัฐภูมิ เก็บเงินหลักล้าน เตรียมผ่าตัด ลิ้นหัวใจรั่วระยะสุดท้าย 9 ส.ค. นี้
ฟิล์ม รัฐภูมิ เก็บเงินหลักล้าน / เตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ รักษาอาการลิ้นหัวใจรั่วระยะสุดท้าย สำหรับนักแสดงหนุ่ม ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เคลียร์งานละครให้หมด เพื่อเข้ารับการผ่าตัดในวันที่ 9 ส.ค. นี้ ที่ รพ.รามาธิบดี เผย ร่างกายยังแข็งแรงดี หากเป็นคนอื่นคงไม่ไหว
ล่าสุด(20 มิ.ย.) ฟิล์ม รัฐภูมิ อัพเดตปัญหาสุขภาพ หลังตรวจเช็กกับคุณหมอ มีอาการข้างเคียง ส่งผลกระทบต่อชีวิตการทำงานหรือไม่ ในงานบวงสรวงละคร “สามีเงินผ่อน” ที่ บริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด ซึ่งภายหลังจบงานได้ให้สัมภาษณ์ว่า
“อัพเดตเรื่องสุขภาพครับ ปกติตอนแรกวางแผนกับคุณหมอที่รามาฯ จะผ่าในเดือนเมษายน แต่พอดีละครยังถ่ายไม่จบ เลยเลื่อนไปผ่าตัดสิงหาคม ตอนนี้ได้กำหนดที่แน่นอน วันที่ 8 ส.ค. เข้าโรงพยาบาลเตรียมตัว และวันที่ 9 ผ่าตัดครับ ก็ฝากทุกคนด้วยนะครับ คอยติดตามข่าวผมด้วยครับ”
มีอะไรกังวลไหม? “สิ่งที่ต้องกังวลก็คือผมต้องเข้า รพ.วันที่ 8 ผมจะสลบไป ผมต้องใช้เวลาผ่าตัดจริงๆ 4 ชั่วโมง กว่าผมจะฟื้นน่าจะประมาณเกือบ 1 วัน พอฟื้นมาแล้วต้องอยู่ในไอซียู น่าจะเกือบ 2 วัน แต่พี่ๆ สื่อมวลชนน่าจะรู้ข่าวจากทางพีอาร์ของทางโรงพยาบาลก่อน
ยังไงก็ฝากรายงานคุณแม่ผมด้วยนะ เป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิตเลยครับ ผมกังวลเพราะผมไม่เคยผ่าตัดมาก่อนก็กลัว ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผมรู้ว่าผมเป็นโรคหัวใจก็ศึกษามาตลอด และคอยฟอลโลว์กับคุณหมอ 2-3 เดือนครั้งตลอด คือสุขภาพผมแข็งแรงมากนะ
แต่หัวใจผมไม่ได้แข็งแรงแล้ว มันเป็นขั้นร้ายแรงสุด แต่ร่างกายผมแข็งแรงมาก เลยยังพยุงร่างผมให้อยู่ได้ มันก็ควรจะรีบผ่าตัด แต่ว่ามันก็ติดงานอยู่ครับ งานต่างๆ เลื่อนไปหมดเลย ผมอยากให้มันจบภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้า เพราะตั้งแต่เดือนหน้า ผมก็ต้องเริ่มเข้าไปกายภาพตัวเอง ซึ่งมันต้องซ้อมหายใจ ไอ จาม ใหม่ มันจะใช้เวลาพอสมควร
และผมต้องไปบริจาคเลือด มันมีหลักสูตรเยอะมากเลยก่อนจะผ่าตัด แล้วหลังจากผ่าตัดผมก็ต้องพักฟื้นอีกเกือบๆ 2 อาทิตย์ เพื่อจะกลับมาปกติได้ แต่ก็กลัวครับ มันกลัวไปหมดครับ แต่โชคดีที่ได้คุณหมอที่เก่งมากที่โรงพยาบาลรามาฯ ที่มาดูแล คือเลื่อนไม่ได้แล้วครับ มันอันตรายมาก ผมเลื่อนมาเกือบ 2 ปีแล้ว”
ตอนนี้ร่างกายทุกอย่างปกติ แต่แค่หัวใจเราไม่ปกติ? “ไม่ไหวครับ ตอนแรกมันรั่ว เรารู้จากอาการของหัวใจ ตอนแรกมันรั่วแค่ห้องซ้ายห้องเดียว แต่คุณหมอบอกว่าถ้ายังดึงไปอีก ขวาน่าจะไปด้วยแล้ว ผมก็มองว่ามันไม่ปกติแล้ว แล้วหัวใจผมเริ่มโตขึ้น อาการแย่เริ่มตามมาแล้ว เพราะหัวใจมันเริ่มโตขึ้น
คือถามว่าส่งผลยังไง ตัวผมไม่มี ไม่ได้รู้สึกอะไร คือจริงๆ คนที่เป็นแบบผมต้องนอนไม่หลับ มือเท้าบวม หายใจติดขัด แต่ผมไม่เป็นอะไรเลย ผมถึงบอกว่า หัวใจกับร่างกายมันคนละส่วนกัน ผมเป็นลิ้นหัวใจรั่วระยะสุดท้ายเลยครับ ระยะที่ 4 ก็อันตรายทุกเวลาเลยครับ แต่ความโชคดีของผมคือร่างกายแข็งแรง มันเป็นแค่หัวใจ แต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็ไปตั้งแต่แรกแล้วครับ”
“ผมรู้ตอนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ปีกว่าแล้ว เขาให้ระวังว่าอย่าออกกำลังกายหนัก อย่าเครียด อย่านอนดึก เวลาเล่นละครก็ปกติทุกอย่างเลยนะ ออกกำลังกายก็เหมือนเดิม ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน 25-30 กิโล ผมก็ทำได้ปกติ ก็บอกคุณหมอ คุณหมอก็งง และถือว่าโชคดีนะ จริงๆ คนที่เป็นแบบผมก็น่าจะไม่ไหวแล้ว”
ต้องพักฟื้นนานไหม? “พักฟื้นประมาณ 2 อาทิตย์ครับ ผมได้อาจารย์สยาม ที่รามาฯ เก่งมาก เขาผ่าตัดแผลเล็กด้วย ปกติแล้วผ่าหัวใจสมัยก่อนจะผ่าแหวกอก แต่ของผมโชคดีที่ได้นวัตกรรมใหม่ที่ไทยคุณหมอเขาทำได้ แผลเล็กสอดไปทางขวามาถึงทางซ้ายหัวใจ และทำการซ่อมแซม”
วางแผนพัก 2 อาทิตย์แล้วกลับมาทำงานเลย? “ปกติเคสที่ผ่านมา 2 อาทิตย์ก็จะหาย แต่ว่าความแข็งแรงของร่างกาย เราเดาไม่ได้เลย ผมไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง ผมแพลนตัวเองว่าหลังจากนี้จะยังไม่รับอะไร ละครติดต่อมา 2 เรื่อง ก็บอกเขาไปว่าอยากจะเริ่มประมาณตุลาก็น่าจะพอดี”
แล้วใครมาเฝ้า? “ให้เพื่อนดูแลครับ เพื่อนสนิทที่เป็นผู้จัดการ โตมาด้วยกัน”
แล้วเรื่องหัวใจความรักแฮปปี้ดีไหม? “ผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย ผมก็เหมือนเดิมครับ มาๆ ไปๆ มากกว่า แล้วก็ไม่ได้ไปโฟกัส มันก็เลยไม่ได้มีข่าวอัพเดตอะไร เพราะว่าผมสนใจเรื่องงานความสำเร็จอย่างเดียว คือตัวเองมีธุรกิจเยอะด้วย แล้วบวกกับว่าบางทีใครที่ไม่เข้าใจเรา เราก็ต้องเข้าใจเขาก่อนว่าไปดึงมามันก็ไม่ดี”
แต่มีคนคุยไหม? “มีอยู่แล้วครับเป็นเรื่องปกติ คุยคนเดียวครับ”
มีคุยแพลนอนาคตร่วมกันไหม? “ไม่มีเลย อนาคตเรื่องนี้เราไม่มี เราก็เลยคุยกับเขาไม่ได้ เป็นศูนย์เลย จริงๆ ผมไม่ได้โฟกัสตรงนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจมากกว่า อะไรที่มันคลิกกันมันก็โอเค แล้วเราอายุปูนนี้แล้วมันก็ไม่ได้ไปสนใจอะไรมาก”
คุยกันเฉยๆ แต่ไม่ได้คิดเรื่องมีครอบครัว? “ไม่ได้โฟกัส คือครอบครัวผมมีอยู่แล้ว ผมก็อบอุ่นอยู่แล้ว”
อยากมีลูกเป็นของตัวเองไหม? “ตรงนั้นคิดตลอดเวลาอยู่แล้ว เราเป็นคนที่คิดเยอะ ถ้าจะมีมันต้องมีเงินเลี้ยงเขาก่อน ตัวเขาก็เข้าใจ ตอนนี้ดูแลหัวใจตัวเองก่อน”
ตกลงว่ายังอยากแต่งงานมีลูกอยู่ไหม? “ไม่ได้คิดเลย เอาแต่ธุรกิจอย่างเดียว ตอนนี้ก็ห่วงแต่สุขภาพตัวเอง”
แล้วมองไปถึงอนาคตถ้าแก่ตัวไปจะยังไง? “จริงๆ ในตัวผมทุกคนจะทราบอยู่แล้วว่าผมจะดูแลครอบครัวผมก็คือคุณพ่อคุณแม่ และจะดูแลแต่ธุรกิจ แค่นี้ก็หนักพอแล้ว เราทำแต่งานไม่ได้ไปโฟกัสตรงนั้น ยิ่งโตมันก็ยิ่งชิน รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่มีอะไรแน่นอน แล้วเราเองต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนเราถึงจะเอาชีวิตคนอื่นมา”
แม่ไม่อยากอุ้มหลานเหรอ? “มีอยู่แล้ว (ลูกของพี่ชาย) ใช่ ตอนนี้เก็บตังค์อย่างเดียวครับ เก็บตังค์รักษาตัวเองแหละ แพงมาก หลายล้านครับ ไม่มีประกัน”