ทีมนักวิทยาศาสตร์และนักมานุษยวิทยาจากหลายสถาบันการศึกษาในยุโรป สหรัฐฯ และออสเตรเลีย เผยถึงการค้นพบฟอสซิลฟันของเด็กที่เป็นมนุษย์ยุคใหม่หรือโฮโมเซเปียนส์ รวมทั้งเครื่องมือหินและอาวุธที่อาจเป็นของพวกเขา ที่ถ้ำภายในแหล่งโบราณคดีหุบเขา Rhone valley ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลเมื่อหลายหมื่นปีก่อน
การค้นพบดังกล่าวชี้ว่า มนุษย์ยุคใหม่ที่อพยพออกจากทวีปแอฟริกา เดินทางมาถึงดินแดนยุโรปตะวันตกตั้งแต่ 54,000 ปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ถึง 12,000 ปี โดยได้ตั้งถิ่นฐานและใช้ชีวิตอยู่ร่วมในพื้นที่เดียวกันกับมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลเป็นเวลานาน จนกระทั่งนีแอนเดอร์ทัลซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่มาถึงยุโรปก่อน ค่อย ๆ สูญพันธุ์ไปในที่สุด เมื่อราว 40,000 ปีที่แล้ว
รายงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances ระบุว่า หลักฐานจากฟอสซิลฟันและเครื่องมือหินที่ค้นพบในครั้งนี้ อาจทำให้ต้องแก้ไขตำรามานุษยวิทยาที่ใช้กันอยู่เสียใหม่ เนื่องจากโบราณวัตถุที่พบชี้ว่า โฮโมเซเปียนส์และนีแอนเดอร์ทัลได้ผลัดกันเข้าครอบครองอยู่อาศัยในถ้ำแห่งนี้หลายต่อหลายครั้ง ตลอดระยะเวลายาวนานกว่าหมื่นปี ซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดดั้งเดิมที่เชื่อกันว่า นีแอนเดอร์ทัลสูญพันธุ์ไปอย่างรวดเร็วหลังพบเข้ากับโฮโมเซเปียนส์ผู้มาใหม่ได้ไม่นาน
ดร. คริส สตริงเกอร์ หนึ่งในทีมผู้วิจัยจากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยากรุงลอนดอน อธิบายว่า “การสูญพันธุ์ของนีแอนเดอร์ทัลไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน หรือเกิดขึ้นเพราะพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ยุคใหม่อย่างง่ายดายในเวลาอันสั้น แต่ที่จริงแล้วทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างดำรงอยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน โดยมีการแข่งขันที่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ บางครั้งเราเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ในบางครั้งนีแอนเดอร์ทัลก็มีแต้มต่อเหนือกว่า”
จากการขุดค้นชั้นดินในถ้ำที่ฝรั่งเศส พบฟอสซิลฟันของเด็กซึ่งเป็นมนุษย์ยุคใหม่ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 54,000 ปี พร้อมกับเครื่องมือหินจำนวนหนึ่งซึ่งยังไม่ทราบชัดว่าเป็นของมนุษย์เผ่าพันธุ์ใดกันแน่ แต่เครื่องมือเหล่านี้ไม่มีลักษณะคล้ายคลึงกับของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล ในจำนวนนี้มีหินที่ทำเป็นปลายแหลมคล้ายหัวหอกหรือหัวลูกศรด้วย
ผลวิเคราะห์อายุของฟอสซิลและโบราณวัตถุทั้งหมดชี้ว่า เดิมทีนั้นมีมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลอยู่ในถ้ำแห่งนี้มาก่อน โดยได้ครอบครองสถานที่ดังกล่าวอย่างยาวนานถึง 20,000 ปี ก่อนที่มนุษย์ยุคใหม่ซึ่งมาจากแอฟริกาเป็นรุ่นแรกจะเข้ามาอยู่แทนเป็นเวลาราว 2,000 ปี หลังจากนั้นถ้ำได้ว่างลงก่อนที่นีแอนเดอร์ทัลจะหวนกลับมาอีกครั้ง และท้ายที่สุดมนุษย์ยุคใหม่ก็ได้กลับมาอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้อีกเมื่อราว 44,000 ปีที่แล้ว
ดร. สตริงเกอร์ แสดงความเห็นว่า “หลักฐานที่เราค้นพบสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ยืนยันแล้วว่า มนุษย์ทุกคนมีสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอของนีแอนเดอร์ทัลอยู่ในตัวคนละนิดละหน่อย ซึ่งแสดงถึงการที่มนุษย์ยุคใหม่มีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับนีแอนเดอร์ทัลเป็นเวลานานและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน”
“หากพิสูจน์ได้ว่าอาวุธทำจากหินที่เราพบเป็นของมนุษย์ยุคใหม่ ก็อาจเป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่าเรามีความได้เปรียบเหนือนีแอนเดอร์ทัลในการต่อสู้แย่งชิงทรัพยากร เนื่องจากมีนวัตกรรมที่ดีกว่า แต่ก็ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเพียงข้อได้เปรียบชั่วคราว เพราะนีแอนเดอร์ทัลสามารถหวนกลับมาชิงถ้ำคืนไปได้”
“สิ่งที่น่าจะเป็นข้อได้เปรียบอย่างแท้จริงของมนุษย์ยุคใหม่ ซึ่งทำให้เราเอาชนะนีแอนเดอร์ทัลได้ในที่สุด น่าจะเป็นความสามารถในการจัดระบบระเบียบ สร้างเครือข่ายทางสังคมได้ใหญ่กว่า นอกจากนี้ยังสามารถรวบรวมและส่งต่อความรู้ รวมทั้งพัฒนาไปไกลจากความรู้ที่มีอยู่เดิมได้ดีกว่า” ดร. สตริงเกอร์กล่าว
…………………………………………..
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ข่าวสด เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว