พ่อแม่เปิดใจ! ทำพิธีซ้อมตาย ‘น้องน้ำแข็ง’ ลูกวัย 8 ขวบ เผยคำพูดสุดท้ายก่อนสิ้นใจ หลังสู้กับโรคมะเร็งกระดูกมานาน ระบุใช้ธรรมะสอนลูกมาตลอด
จากกรณีคลิปบีบหัวใจ น้องน้ำแข็ง ด.ญ.8 ขวบ ป่วยมะเร็งกระดูก อาการทรุดหนัก พ่อแม่ทำพิธีซ้อมตายให้ลูกก่อนจากไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
สำหรับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.65 ข่าวสดออนไลน์ ได้คุยกับ นายนิติชัย และ น.ส.เฌอลิณญ์รฎา พ่อแม่ของน้องน้ำแข็ง เปิดใจถึงการเสียชีวิตลูกสาว อันเป็นที่รัก
นายนิติชัย กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาน้องน้ำแข็ง เป็นเด็กที่สุขภาพแข็งแรง ร่าเริง แจ่มใส พูดเก่ง ปกติทุกอย่าง จนกระทั่งอายุ 6 ขวบ น้องน้ำแข็งเริ่มมีอาการปัสสาวะตอนกลางคืน ซึ่งไม่เคยเป็นแบบนี้ เมื่อคลำไปที่ท้องเจอลักษณะเป็นก้อนแข็ง พอไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่ามีก้อนอยู่ในท้อง
จากนั้นวันที่ 3 มี.ค. 63 พาลูกไปรักษาที่ รพ.ศิริราช ผ่าตัดชิ้นเนื้อออกมาตรวจ หมอแจ้งว่าเป็นมะเร็งกระดูก แพร่กระจายลงไปที่ปอดแล้ว ก้อนมะเร็งในท้องมีขนาด 13 ซม. และรักษามาอย่างต่อเนื่อง ไปเจอภาวะลำไส้อุดตัน ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้องเพื่อขับถ่าย ซึ่งน้องน้ำแข็งผ่าตัดใหญ่ทั้งหมด 5 ครั้ง ทั้งผ่าตัดนำก้อนมะเร็งออก และผ่าตัดรักษาลำไส้อุดตัน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานหลายเดือน จนเดือนมี.ค.64 จบการรักษา ตรวจไม่พบเชื้อมะเร็งแล้ว แต่ต้องไปตรวจอยู่ตรวจอยู่ตลอด และต้องรักษาลำไส้อุดตันอย่างต่อเนื่อง
นายนิติชัย กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 1 เม.ย.65 พบเชื้อมะเร็งกลับมาเป็นครั้ง 2 จึงปรึกษาภรรยาและลูก ตัดสินใจจะขอรับการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ เนื่องจากการรักษารอบแรก เห็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับน้องน้ำแข็งมากมาย ซึ่งตั้งแต่แรกตนกับภรรยาก็ทำใจเอาไว้บ้างแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าลูกเป็นมะเร็ง
จนกระทั่งวันที่ 14 มิ.ย.65 น้องน้ำแข็งเริ่มอาการทรุดหนักเข้าโรงพยาบาล นอนหายใจรวยริน จึงทำพิธีซ้อมตาย เพื่อให้เขาจิตใจสงบ พอช่วงบ่ายวันที่ 15 มิ.ย.65 ตนซื้อพวงมาลัยมาให้ลูก เพื่อนำพาไปหาพระพุทธเจ้าบนสวรรค์ และวันที่ 16 มิ.ย. 65 เวลา 03.00 น. ลูกเจ็บปวดจนต้องฉีดมอร์ฟีน ในระหว่างนั้นลูกคว้าพวงมาลัยมาจับเอาไว้แน่น และก่อนที่จะจากไป ลูกพูดว่า “หนูทำเต็มที่แล้ว หนูปล่อยแล้ว หนูไม่เอาแล้ว” จากนั้นก็หลับไป 5 ช.ม. และเสียชีวิตลง ในระหว่างนั้นตนก็บอกให้ลูกปล่อยวาง ท่องพุทโธ
ด้านน.ส.เฌอลิณญ์รฎา กล่าวว่า ที่ผ่านมาน้องน้ำแข็ง มีจิตใจที่เข็มแข็งมาตลอด มักบอกกับพ่อแม่ว่า “หนูไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวเลย ยังไงหนูก็ไม่ตาย” ซึ่งตนก็จะใช้ธรรมะสอนลูกมาตลอด ให้ยอมรับกับสิ่งที่เป็นทั้งความเจ็บและความตาย โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ร่างกายไม่ใช่ของเราซึ่งเขาก็เข้าใจ ตนพยายามพูดทำให้ลูกไม่ต้องเป็นห่วง
ในวันที่ลูกจากไป ตนกับสามีคุยกันว่า จะไม่ร้องไห้ เพื่อลูกได้ยินเสียงโศกเศร้า จะทำให้ลูกได้ยินเสียงแต่ธรรมะ เพื่อให้จิตสงบที่สุด พยายามทำให้ดีที่สุดในภาระสุดท้ายของลูก