พ่อแม่ร้อง! ผอ.รร.ขับเก่งชนลูก 2 คนสาหัส รับปากเยียวยา สุดท้ายขอลด อยากให้มีมนุษยธรรมบ้าง ครอบครัวลำบากมาก ต้องหยุดงานมาดูแลลูก

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 2 ธ.ค.65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านพักในพื้นที่หมู่ 15 บ้านห้วยยางศรีวิไล ต.ดงเมืองแอม อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของ นายบุญรวม ขอมอบกลาง อายุ 46 ปี และ นางวิษา ลักษณะศรี อายุ 38 ปี พ่อและแม่ หลังลูกสาว 2 คน อายุ 17 ปี และ 13 ปี ถูกรถเก๋งฮอนด้า สีขาว ทะเบียน งต-8759 นครราชสีมา พุ่งชนขณะขี่รถจยย. บริเวณสามแยกบ้านนาค้อ

โดยเมื่อถึงบ้านพบลูกสาวนอนอยู่บนเตียง โดยคนโตได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างขวา แพทย์ผ่าตัดดามเหล็กให้ ยังไม่สามารถเดินได้ ส่วนลูกสาวคนเล็ก บาดเจ็บที่ขาขวา กรามหัก ยังไม่สามารถขยับกรามได้ แม่ต้องบดอาหารให้กินตลอดเวลา

นายบุญรวม กล่าวว่า ตนเป็นคนส่งคลิปพร้อมข้อมูลไปยังเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2 เพราะกลุ้มใจและสงสารลูก เพราะตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุลูกต้องขาดเรียน โดยเฉพาะลูกสาวคนเล็ก ในวันเกิดเหตุได้รับบาดเจ็บ สลบไม่ได้สติ และแพทย์ได้ปั๊มหัวใจ จนฟื้นขึ้นมา จากนั้นก็ส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ศรีนครินทร์ เป็นเวลา 8 วัน ส่วนลูกคนโต ก็อาการสาหัส ถูกส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ศรีนครินทร์ เช่นกัน รักษาตัวใน รพ.4 วัน หลังออกจากรพ.ก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อแม่ต้องหยุดงานมาดูแลลูกสาวทั้ง 2 คน

หลังจากลูกสาวประสบอุบัติเหตุ ก็ได้ลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุและไปพบกับตำรวจ จนทราบว่า ลูกสาวออกมาจากในซอย ขณะนั้นมีรถเก๋งคู่กรณีมาจากทางบ้านคำนางปุ่ม มุ่งหน้าออกไปทางถนนมิตรภาพ แล้วพุ่งชนรถจยย.ของลูกสาวอย่งาจัง ซึ่งคนขับรถเก๋งคันดังกล่าว ทราบว่า เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เขาสวนกวาง ได้มาพร้อมภรรยา เข้าเยี่ยมลูกสาวของตนที่ รพ. พร้อมกับแสดงความรับผิดชอบว่าจะจ่ายเงินให้ครอบครัว 50,000 บาท แต่ยังไม่ให้ มอบเพียงค่าน้ำมันให้ 3,000 บาท แต่หลังจากลูกสาวออก รพ. คนขับรถเก๋งก็โทรมาแจ้งว่า ลดค่าทำขวัญเหลือ 30,000 บาท และทะเลาะกับภรรยา จึงไม่มีเงินมาจ่ายให้ และถ้าไม่อยากยุ่งอยาก ก็ขอให้รับเงินจำนวนดังกล่าวด้วย

นายบุญรวม กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ครอบครัวลำบาก เพราะตนกับภรรยาไม่สามารถออกไปรับจ้างได้ ทุกวันนี้ อยู่ได้ด้วยเงินที่ครูและเพื่อนของลูกสาวที่โรงเรียนมาเยี่ยม นำเงินสินน้ำใจมามอบให้ แต่ถ้าไม่มีเงินที่ทางโรงเรียนช่วยเหลือมา ครอบครัวก็คงจะแย่ จึงไปพบตำรวจเพื่อขอคำปรึกษา โดยให้รายละเอียดไปว่า รถจยย.คันที่ลูกสาวขี่ไปเรียนนั้นพัง ยังไม่รู้ราคาค่าซ่อม ส่วนค่ารักษาพยาบาลใช้เงินจาก พ.ร.บ.ของรถจยย. และบัตรทอง

โดยลูกสาวคนโตรักษาตัวไป 68,000 บาท คนเล็ก 70,000 บาท แต่หลังออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังต้องพาลูกไปพบแพทย์ ซึ่งยังต้องมีค่าใช้จ่ายตามมาอีก จึงอยากให้คู่กรณี มีมนุษยธรรมกับครอบครัว ช่วยเยียวยาบ้าง พนักงานสอบสวนแจ้งว่า เรื่องการเยียวยาคู่กรณีต้องคุยกันเอง จึงปรึกษากับภรรยาว่า ถ้าปล่อยไปนาน ปัญหาก็จะเพิ่มมากขึ้น ทำใจ ยอมรับเงิน 30,000บาท จากคู่กรณี แต่จนถึงขณะนี้คู่กรณี ก็ยังไม่เอาเงินมาให้ อยากให้คู่กรณี แสดงความรับผิดชอบโดยเร็ว เพราะครอบครัวกำลังแย่ ไม่มีรายได้ แล้วยังต้องพาลูกไปหาหมออีก

ขณะที่น้องแป้ง อายุ 17 ปี กล่าวว่า ขณะขับขี่มากับน้องสาวนั้นมองแล้วว่าไม่มีรถ จึงบิดคันเร่งเร่งเครื่องข้ามถนนเลี้ยวขวากลับบ้าน เป็นจังหวะที่รถเก๋งขับมาแต่ตนเองมองไม่เห็นว่ามีรถ เห็นแค่ว่าถนนว่างแล้วจึงขับออกมาแล้วรู้สึกว่าได้ยินเสียงแตรจากรถเก๋งที่วิ่งมาชนจนกระเด็น และมองเห็นน้องสลบอยู่กลางถนน ก่อนที่คนจะมาช่วยและเรียกรถพยาบาลมารับตัวไปโรงพยาบาลคนละคันกับน้อง

ขณะนี้รู้สึกเจ็บและยังตกใจ นอกจากนี้ยังรู้สึกชาๆ ที่ขาแต่ก็เริ่มกระดิกได้บ้างแล้ว หลังจากนี้ก็คงไม่กล้าขี่รถจยย.อีกแล้ว เพราะเหตุการณ์ยังติดตา จึงขอฝากเพื่อนๆ ที่ขี่รถจยย.ให้ขี่ด้วยความระมัดระวัง ดูรถให้ดีก่อนจะข้ามทาง