พ่อแม่ตัดสินใจเขียนพินัยกรรมยกมรดกให้น้องสาวคนเล็ก แต่พี่ชาย 2 คน ไม่ได้ เมื่อรู้เหตุผล ไม่กล้าโวยวายสักคำ

เว็บไซต์ Soha รายงานว่า คุณแม่รายหนึ่งในประเทศจีน ที่ได้เล่าเรื่องราวในครอบครัวของตัวเอง หลังจากเธอและสามีตัดสินใจทำพินัยกรม โดยยกมรดกให้กับลูกสาวคนเล็กเพียงคนเดียว ทั้งที่มีลูกชายอีกสองคน

คุณแม่รายนี้ เล่าว่า หลังจากแต่งงานมา 10 ปี เธอและสามีมีลูกด้วยกัน 3 คน โชคดีที่ลูกชายทั้งสองของเธอมีชีวิตที่มั่นคง ส่วนลูกสาวมีความเป็นอยู่ที่ลำบากกว่าเล็กน้อย

หลังจากแต่งงานได้ประมาณ 5 ปี ลูกเขยของเธอต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิตเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทุกเรื่องในครอบครัวลูกสาวต้องเป็นคนจัดการทั้งหมด การเห็นสภาพแบบนี้ทำให้เธอและสามีรู้สึกเจ็บปวดใจมาก แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้มากนัก

เพื่อไม่ให้เป็นภาระและกดดันลูก ๆ มากเกินไป เธอและสามีตกลงกันว่าจะทำงานต่อแม้จะเกษียณแล้วก็ตาม เธอมักจะรับงานเป็นแม่บ้านให้กับครอบครัวที่มีฐานะในหมู่บ้าน ส่วนสามีของเธอจะตามเจ้าของโครงการไปทำงานก่อสร้างต่าง ๆ

แม้งานเหล่านี้มีค่าจ้างไม่สูงนัก แต่เรามองว่าเป็นวิธีที่จะช่วยให้คลายความเศร้า แทนที่จะอยู่บ้านเฉย ๆ

กระทั่งวันนึ่งเธอได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าสามีตกจากนั่งร้านและต้องรีบเข้ารับการรักษา เธอจึงละทิ้งทุกอย่างและรีบไปโรงพยาบาลทันที

หลังจากตรวจเช็กร่างกาย แพทย์บอกว่าสามีของเธอต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด หากไม่ทำอาจจะไม่สามารถช่วยชีวิตได้ แต่ค่าผ่าตัดนั้นสูงมากถึง 60,000 หยวน (ประมาณ 280,000 บาท) เมื่อได้ยินจำนวนเงิน เธอถึงกับอึ้ง เพราะเธอและสามีมีเพียงเงินเก็บเล็กน้อย ซึ่งไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าผ่าตัด

เธอจึงรีบโทรหาลูกชายคนโตเพื่อบอกสถานการณ์ และหวังว่าเขาจะช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษา แต่แทนที่จะช่วยเหลือ เขากลับต่อว่าเธอว่าทำไมถึงปล่อยให้พ่อทำงานทั้งที่เกษียณแล้ว และบอกว่าไม่มีเงินและไม่สามารถขอยืมจากใครได้

เธอจึงโทรหาลูกชายคนที่ 2 แต่ก็ได้เพียงคำปฏิเสธเช่นกัน ทำให้เธอหมดหวัง

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เธอโทรหาลูกสาวคนเล็ก แม้จะไม่ได้คาดหวังมากนัก เพราะรู้ว่าลูกสาวกำลังมีความลำบากทางการเงิน

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ลูกสาวร้องไห้เมื่อรู้ข่าว และปลอบใจเธอว่าไม่ต้องกังวล จะหาทางช่วยหาค่าใช้จ่ายให้ได้

หลังจากวางสายเพียง 10 นาที เธอได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินเข้าบัญชี เธอจึงรีบนำเงินไปชำระค่าผ่าตัด วันนั้นโชคดีที่การผ่าตัดของสามีผ่านไปด้วยดี และเขาได้รับการช่วยชีวิต

หลังจากรักษาตัวอยู่หลายเดือน สุขภาพของสามีของเธอก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เราสองคนจึงกลับไปทำงานเพื่อชดใช้เงินที่ลูกสาวช่วยเหลือในยามลำบาก

กระทั่งในปี 2563 ทางการท้องถิ่นแจ้งว่า บ้านของเราจะถูกเวนคืนและจะได้รับค่าชดเชยเพื่อขยายถนนใหญ่ หลังจากผ่านไป 3 ปี จนถึงกลางปี 2566 การเวนคืนก็เกิดขึ้นจริง

บ้านเก่าของเรามีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้เราได้รับค่าชดเชยสูงถึง 2 ล้านหยวน (ประมาณ 9.3 ล้านบาท) หลังจากปรึกษากับสามี เราตัดสินใจใช้เงินครึ่งหนึ่งเพื่อซื้อบ้านใหม่ อีก 1 ล้านหยวน (ประมาณ 4.6 ล้านบาท) เราแบ่งเป็นเงินออม 500,000 หยวน ส่วนที่เหลืออีก 500,000 หยวน  (ประมาณ 2.3 ล้านบาท) เราจะมอบให้ลูกสาวผ่านพินัยกรรม

เมื่อและสามีได้เปิดเผยเนื้อหาของพินัยกรรมนี้ต่อหน้าลูกทั้งสามคน เมื่อเห็นลูกชายทั้งสองแสดงความสงสัย เธอจึงอธิบายว่านี่คือเงินที่มอบให้เป็นการตอบแทนที่ลูกสาวคนเล็กได้ช่วยเหลือในช่วงที่พ่อของพวกเขาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หลังจากฟังเหตุผลนี้ ลูกชายทั้งสองก็เงียบลง ไม่พูดอะไร