พ่อทำใจ ถ้าลูกถูกประหาร ฆ่า 4 ศพที่ไต้หวัน เผยครอบครัวคนตายมีบุญคุณ เพื่อนแฉเคยหลอกเพื่อนหลายคนลงทุนธุรกิจ และไม่ได้เงินคืน
จากกรณีนายสันติ อายุ 35 ปี ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆ่า น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ ที่กำลังตั้งท้องลูกแฝดได้ 5 เดือน และนายประเสริฐ โนราษ สามีเสียชีวิต โดยคนร้ายนำร่างทั้ง 4 ชีวิต ใส่ไว้ในท้ายรถเก๋งบีเอ็มดับบลิวของผู้ตายไปจอดทิ้งไว้หน้าสถานีรถไฟกลางเมืองไต้หวัน
หลังก่อเหตุผู้ต้องสงสัยหลบหนีเข้าประเทศไทย กลับบ้านที่หมู่บ้านใหม่หนองบัว อ.ไชยปราการ จากการตรวจสอบที่บ้านของนายสันติ พบนายสุชาติ อายุ 63 ปี พ่อของนายสันติ และรถยนต์วอลโว่สีน้ำตาล คันที่นายสันติขับมาจากบ้านพักที่ อ.สันทราย จอดอยู่
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2565 นายสุชาติ พ่อของนายสันติ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า ลูกชายของตนออกจากบ้านไปตอนไหนไม่ทราบ โดยทิ้งรถยนต์ไว้ที่บ้าน ขนเพียงกระเป๋าเดินทางไปเท่านั้น พยายามโทรติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนตัวไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายก่อเหตุเพียงลำพัง เพราะได้เห็นกล้องวงจรปิดจากข่าวที่ไต้หวันเห็นเขาขับรถไปจอดไว้ที่เกิดเหตุ ไม่น่าจะทำเพียงคนเดียวได้
“ถ้าลูกชายทำผิดจริงก็รู้สึกผิดหวังมาก เพราะครอบครัวผู้ตายมีบุญคุณดูแลเขา ให้ที่อาศัยตอนที่เขาเพิ่งไปอยู่ไต้หวัน และรักเขาเหมือนกับคนในครอบครัว ยอมรับว่ากังวลว่าลูกชายจะต้องรับโทษ เพราะว่าบทลงโทษที่ไต้หวันค่อนข้างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต แต่ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด” พ่อผู้ต้องหา กล่าว
ด้านเพื่อนบ้านของนายสันติ เปิดเผยว่า ลูกของตนเป็นเพื่อนกับลูกของนายสันติ เล่นด้วยกันเป็นประจำ ตนเห็นเขากลับมาตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. และไปรับส่งลูกช่วงเย็นวันเดียวกัน ก่อนจะหายตัวไป ลูกชายของนายสันติยังมาบอกตนว่า ดีใจที่พ่อกลับมาหาที่บ้าน เพราะไม่เจอพ่อมานานหลายปีแล้ว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พบกับเพื่อนสนิทของนายสันติ กล่าวว่า รู้จักกับนายสันติ และ น.ส.พจนีย์ มาตั้งแต่เด็ก ปกติแล้วนายสันติเป็นคนเงียบๆ ไม่น่าเชื่อว่านายสันติจะลงมือก่อเหตุ แต่ยอมรับว่าช่วงก่อนที่นายสันติจะไปทำงานที่ไต้หวันและเปิดบริษัททัวร์เคยมีปัญหาเรื่องเงิน ยืมเงินเพื่อนติดหนี้หลายคนเชิงชักชวนหลอกไปลงทุนและไม่ได้เงินคืน แต่ละคนหลักแสนบาท รวมถึงติดหนี้ น.ส.พจนีย์ กว่า 1 ล้านบาท และเคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันด้วย ยังแปลกใจว่านายสันติไปอยู่กับ น.ส.พจนีย์ ที่ไต้หวันได้อย่างไร