พี่น้องแบ่งสมบัติหลังพ่อแม่ตาย เตรียมไล่สะใภ้ออกจากบ้าน จู่ๆ หลานคนโตโผล่มาพร้อมพินัยกรรม ข้อความสั่งเสียเหมือนตบหน้า
หญิงคนหนึ่งในเวียดนาม เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัวหลังแม่สามีเสียชีวิต เธอนั้นเป็นสะใภ้รอง สามีของเธอเรียกพี่น้องทั้งหมดมาประชุมเพื่อไล่พี่สะใภ้ออกจากบ้าน แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ที่ทำเอาหน้าเจื่อนทั้งครอบครัว
พ่อแม่ของสามีมีลูกชาย 3 คน และลูกสาว 2 คน ได้แก่ ธาน เหงียน ล็อก เฮียน ฮาว สามีของหญิงสาวเจ้าของเรื่องคือ เหงียน เป็นลูกคนที่สอง
นายธานเป็นพี่ชายคนโต เขาเสียชีวิตไปแล้วกว่า 10 ปีจากอุบัติเหตุที่ทำงาน พี่สะใภ้คนโตคือนางเยียน เธอเลือกที่จะอยู่บ้านสามีต่อไป ดูแลพ่อแม่สามีและลูก ๆ สองคนของเธอ เยียนไม่แต่งงานใหม่ ทำให้ครอบครัวตกลงให้เธออาศัยอยู่ในบ้านของครอบครัวกับพ่อแม่ของสามี
นายเหงียนและภรรยา สะใภ้รองผู้ที่เปิดเผยเรื่องนี้ อาศัยอยู่ห่างจากบ้านพ่อแม่เพียง 2 กิโลเมตร ขณะที่ล็อกและภรรยาอาศัยอยู่ในเมือง เฮียนและฮาวแต่งงานและย้ายไปอยู่ในเขตอื่น แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลนัก แต่พวกเธอแทบไม่เคยมาเยี่ยมพ่อแม่เลย
ชีวิตทุกคนดูสงบและปรองดองกันดี จนกระทั่งพ่อของสามีเสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่อปลายปีที่แล้ว แม่สามีเศร้ามากจนล้มป่วยและนอนบนเตียงนาน 6 เดือนก่อนจะจากไป หลังจากจัดงานศพของแม่เสร็จสิ้น ทุกคนในครอบครัวก็เกิดความขัดแย้งและนัดพบกันในตอนเย็นเพื่อแบ่งทรัพย์สิน
ไล่พี่สะใภ้ม่ายออกจากบ้าน
พ่อแม่ของสามีมีทรัพย์สินจำนวนมาก บ้านบรรพบุรุษที่พวกเขาอาศัยอยู่มีพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร เป็นบ้านไม้เก่าแก่ สวนข้างบ้านมีพื้นที่อีก 360 ตารางเมตร ทำให้พื้นที่ทั้งหมดของที่ดินเกิน 400 ตารางเมตร ที่ดินสวยและทำเลดีติดถนนใหญ่ ตอนนี้มีเพียง เยียน พี่สะใภ้คนโตที่ยังอาศัยอยู่ที่นั่น เพราะลูก ๆ ทั้งสองคนของเธอ ซึ่งเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งโตแล้ว และกำลังเรียนมหาวิทยาลัยในเมือง
นายเหงียน บอกว่าพี่สะใภ้เป็นคนต่างครอบครัว ดังนั้นตอนนี้พ่อแม่เสียชีวิตแล้ว เธอไม่ควรอาศัยอยู่ในบ้านของครอบครัวอีกต่อไป ทุกคนจะมอบที่ดินสวน 100 ตารางเมตรให้เธอและช่วยสร้างบ้านให้อยู่ชั่วคราว
ส่วนนายเหงียนและภรรยาจะย้ายกลับมาที่บ้านเพื่อทำหน้าที่บูชาบรรพบุรุษ เพราะการบูชานั้นเป็นหน้าที่ของผู้ชายในครอบครัว ไม่ใช่ของผู้หญิง ในเรื่องนี้ ภรรยาของนายเหงียนไม่กล้าออกความเห็น เพราะสามีของเธอตัดสินใจแล้วและเขาก็จะทำตามนั้น
ล็อกและเฮียนเห็นด้วยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ยกเว้นฮาวที่คัดค้าน ฮาวกล่าวว่าพี่สะใภ้ได้แต่งงานกับธานแล้ว เธอจึงถือเป็นญาติไม่ใช่คนนอก และลูกชายของพวกเขาคือ ดัต เป็นหลานชายคนโตของครอบครัวที่มีสิทธิ์รับมรดก
แต่ล็อกกล่าวว่าดัตอาจจะไม่กลับมาอยู่บ้าน แล้วถ้าเขาเรียนในเมืองและตัดสินใจอยู่ที่นั่นเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ล่ะ? ทุกคนโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ยกเว้นพี่สะใภ้คนโตที่ก้มหน้าลงเงียบ ๆ น้ำตาไหลพราก ฮาวรีบบอกให้เธอพูดอะไรบ้าง ถ้าเธอมีความทุกข์หรือต้องการอะไรก็ควรพูดออกมา
นางเยียน พี่สะใภ้คนโตบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงและเป็นสะใภ้จากที่อื่น จึงไม่กล้าคิดถึงทรัพย์สินของครอบครัวสามี ขอให้พี่น้องคนอื่น ๆ ตัดสินใจตามต้องการ
หลานชายคนโตมาพลิกสถานการณ์
แต่เรื่องราวกลับพลิกผัน เมื่อจังหวะนั้น ดัต ลูกชายของนางเยียนและเป็นหลานชายคนโตของตระกูล ก็กลับมาถึงบ้าน ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งเลิกเรียนและรีบขึ้นรถบัสตรงกลับบ้าน และมาถึงตอน 3 ทุ่ม เขากล่าวทักทายพวกอาๆ แล้วเข้าไปในห้องนอนและนำเอกสารกองหนึ่งออกมา เขาบอกว่าก่อนที่ย่าจะเสียชีวิต ได้มอบเอกสารชุดนี้ให้เขา ย่าบอกว่า ถ้าหลังจากที่ปู่ย่าจากไปแล้ว ครอบครัวยังสงบสุขและสามัคคีกันอยู่ก็ให้เขาเก็บเอกสารนี้ไว้ แต่ถ้าเกิดมีการขัดแย้ง ก็ให้เขานำเอกสารนี้ออกมาเพื่อให้ทุกคนรู้ถึงความปรารถนาของปู่ย่าตายาย ทุกคนตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าพ่อแม่จะทิ้งพินัยกรรมไว้
สามีของเธอเปิดพินัยกรรมออกดู และตกใจเมื่อเห็นว่าพินัยกรรมนี้เขียนโดยพ่อของเขาเมื่อท่านยังมีสุขภาพดี มีลายเซ็นของทั้งพ่อและแม่ รวมถึงเพื่อนบ้านสองคนเป็นพยาน
ในพินัยกรรม พ่อแม่ของสามีระบุว่าจะยกบ้านบรรพบุรุษทั้งหมดให้ดัต หลานชายคนโตของพวกเขา หากพี่สะใภ้คนโตไม่แต่งงานใหม่ เธอจะยังคงอาศัยอยู่ในบ้านนี้และบูชาปู่ย่าตายายของดัตในกรณีที่ดัตไม่อยู่ ดัตจะอยู่ในเมืองหรือชนบท ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของเขา บ้านจะยังคงเป็นชื่อของดัตและสามารถสืบทอดไปยังลูกชายคนโตของดัตได้
ที่ดินสวนขนาด 360 ตารางเมตรที่เหลือ จะแบ่งให้สามีของเธอและล็อกคนละ 100 ตารางเมตร เฮียนและฮาวคนละ 50 ตารางเมตร ส่วนที่เหลือ 60 ตารางเมตรจะให้ฮัง ลูกสาวของพี่สะใภ้
พ่อสามียังเน้นในพินัยกรรมว่า ทุกคนควรมีส่วนแบ่ง ไม่ว่ามากหรือน้อย และควรยอมรับอย่างมีความสุขเพราะนี่เป็นความตั้งใจของพ่อแม่ หากสมมุติว่าพ่อแม่ยากจนและไม่มีเงิน ลูก ๆ ก็ต้องรับผิดชอบ
หญิงสาวเจ้าของเรื่อง คิดว่าการแบ่งมรดกของพ่อแม่สามีเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่สามีของเธอดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับพินัยกรรมที่ชัดเจน เขาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากส่งพินัยกรรมคืนให้ดัตและบอกให้เธอกลับบ้าน
เธอแค่หวังว่าครอบครัวจะยังรักใคร่และสามัคคีกันเหมือนตอนที่พ่อแม่สามียังมีชีวิตอยู่ แต่ก็รู้สึกว่าคงไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นเช่นนั้นอีกแล้ว