หนุ่ม เข็มเพชร พี่ชาย พีเค ปิยะวัฒน์ เขียนดึงสติน้องชาย อ่านแล้วเข้าใจหัวอกพี่ชายห่วงน้องมากๆ
กลายเป็นประเด็นร้อนๆ ของวงการบันเทิงที่กระตุกต่อมเผือกของชาวเน็ตได้ไม่น้อย หลัง พีเค ปิยะวัฒน์ ได้ออกมาเปิดใจถึงข่าวลือตนเองไปทะเลสมุยกับนางแบบสาวชาวเวียดนาม โดยเจ้าตัวบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นและสร้างความเข้าใจผิด โดยเจ้าตัวได้บอกว่า ทริปพักผ่อนที่เกาะสมุยนั้น เป็นการเดินทางไปเพื่อใช้เวลากับครอบครัว ซึ่งมี หนุ่ม-ชลธิศ เข็มเพชร พี่ชายแท้ ๆ และเพื่อนของพี่หนุ่มร่วมทริป ไม่ได้มีบุคคลอื่นตามข่าวเดินทางไปด้วยแต่อย่างใด และ พีเค ยังได้แจงอีกว่าภาพของนางแบบสาวชาวเวียดนามที่ลงนั้นเป็นภาพเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน พร้อมกับบอกถึงความรู้สึกว่าไม่เข้าใจว่าเขาทำไปทำไม
ด้านพี่ชายของ พีเค ก็ได้ออกมายืนยันแล้วตั้งแต่แรกว่าน้องชายไปทริปกับตน มีภาพชัดเจนสุดๆ
ล่าสุด หนุ่ม เข็มเพชร พี่ชายได้โพสต์เฟซบุ๊คอีกครั้งที่ไม่ใช่ภาพทริปทะเลสมุยแต่อย่างใด แต่เป็นข้อความดึงสติให้กับ พีเค ลั่นน้องล้มก็ต้องปกป้อง แต่ถ้าล้มแล้วไม่ลุก ก็ด่าแหลกเหมือนกัน
“วันนี้เจอพีเค… สติค่ะ! ตื่นดู ดาด้า บุ้คโกะ ดีเจมะตูม บุ๋ม น้องพิธีกรชาย และอีกหลายๆ คนที่เค้าห่วง เค้ารัก เก็บรักษาไว้ให้ดีๆ เพื่อนๆ อย่างนี้”
“ต้องตื่น จูนจิตซะ ไม่มีใครช่วยอะไรเราได้เท่าตัวเราเอง ไวน์แดงและเหล้าไม่ได้ช่วย ยิ่งดื่มยิ่งเพี้ยน จะโกรธก็ไม่เป็นไร ไม่สนเพราะฉันเป็นคนตรง บอกแล้วถ้าฟุ้งซ่านมากๆ ฉันจะให้มาดูแลแม่แทนฉัน (พรุ่งนี้ฉันต้องตื่นแต่เช้าพาเค้าไปหาหมอ) แล้วชั้นจะได้บินไปญี่ปุ่น ปารัส ไปใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเองซักเดือนนึง”
“น้องล้มฉันก็ปกป้อง แต่ล้มแล้วไม่ลุก ปัญญาอ่อนฉันก็ด่าแหลก”
“น้องๆ จากนิวยอร์กมาถามว่าเห็นพี่หนุ่มโดนเกรียนคีย์บอร์ดด่าที่ปกป้องน้องชาย พี่เศร้ามั๊ย ไม่เศร้าค่ะ ไม่ได้อ่าน ไม่ได้สนใจ ไม่ใช่ค่อดพ่อค่อดแม่ฉัน มาด่าซึ่งหน้าฉันก็ด่ากลับ (มาด่าฉันมากๆ เดี๋ยวเพื่อนๆ ผู้พิพากษา ทนายดังๆ เรียนนิติ มธ. มาด้วยกันหรือเพื่อนรักนายพลทุกเหล่าวชิราวุธเค้าก็ลุยให้เอง)”
“หัดอยู่คนเดียวให้ได้ (พอเหนื่อยมากๆ ฉันก็อาละวาดใส่ไม่สนหีบสนตู้) ตื่นได้แล้วนะ เงินทองถูกเอาไปหมดก็แล้วไม่เป็นไร เค้าอยากได้ให้เค้าไปจะได้จบ”
“ตื่นแล้วตั้งสติ ถ้าไม่มีสติก็จะด่าให้มีสติ ลุกขึ้นทำมาหารับประทานใหม่ ขอโทษพี่ๆ น้องๆใ นเฟสบุ๊คด้วยนะ ฉันเป็นคนอย่างนี้แหละ ไม่มีนอกมีใน ต้องดูแลทั้งแม่และน้อง ยาเคมีสมองไม่สมดุลย์ก็ต้องกิน”