หนุ่มอินเดียตกหลุมรักแม่ยาย พ่อตาจับได้คาหนังคาเขา แต่ไม่ว่าอะไร แถมยังบอกว่ามีความสุขมากที่ได้จัดงานแต่งงานให้
เว็บไซต์ Oddity Central รายงานเรื่องราวแห่งความรักสุดประหลาดที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเริ่มต้นด้วยเหตุการณ์แสนเศร้า เมื่อ สิกันดาร์ ยาดาฟ คุณพ่อลูกสองวัย 45 ปี ต้องกลายเป็นพ่อม่ายเพราะภรรยาเสียชีวิต
หลังจากสูญเสียภรรยา ยาดาฟ ก็ย้ายไปอยู่หมู่บ้านเดียวกับ คีตา วัย 55 ปี ซึ่งเป็นแม่ยายของเขาเอง ชื่อว่าหมู่บ้านฮีร์โมติ ในรัฐพิหาร นานวันไปทั้งสองก็เกิดความรู้สึกรักใคร่ชอบพอกัน แม้พวกเขาพยายามปกปิดความสัมพันธ์ไว้แต่ก็ไม่สำเร็จ
ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านเริ่มซุบซิบและลือไปว่าทั้งคู่แอบรักกัน ขณะที่ ติเลศวร สามีของคีตา พ่อตาของยาดาฟ ก็เริ่มระแคะระคายถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง กระทั่งวันหนึ่งก็จับได้คาหนังคาเขาว่าคนทั้งสองกำลังโอบกอดและแสดงความรักต่อกัน
ติเลศวรโกรธมากและนำเรื่องราวคบชู้ของคนทั้งคู่ไปฟ้องต่อสภาหมู่บ้าน และเรียกร้องให้จัดการเรื่องราวฉาวโฉ่นี้
หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวจากฝั่งของติเลศวรแล้ว สภาหมู่บ้านก็เรียกตัวยาดาฟเข้ามาพบ และให้เรื่องราวจากมุมมองของเขา แต่แล้วทุกคนก็ต้องแปลกใจที่ยาดาฟยอมรับอย่างเปิดเผยว่า เขาลักลอบมีความสัมพันธ์กับแม่ยายจริง ๆ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะเขาหลงรักเธอ ฝ่ายคีตาเองก็สารภาพว่าเธอก็รักยาดาฟเช่นกัน
เมื่อรับทราบว่าทั้งคู่รักกัน ทางสภาหมู่บ้านจึงตัดสินใจให้ทั้งคู่แต่งงานกันอย่างถูกต้อง เพื่อจะได้เป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ ยิ่งไปกว่านั้นติเลศวรเองก็ยังเปลี่ยนใจไม่เอาเรื่อง หลังจากที่เห็นทั้งคู่สารภาพรักต่อกัน พร้อมทั้งเสนอตัวเป็นผู้ช่วยจัดงานแต่งงานให้ทั้งสอง
คลิปวิดีโองานแต่งงานของทั้งสองคนกลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ โดยเป็นเหตุการณ์ระหว่างที่ยาดาฟเจิมสัญลักษณ์ของการแต่งงานบนหน้าผากของเจ้าสาวคนใหม่ของเขาตามธรรมเนียม ซึ่งปกติแล้วเติมเพียงครั้งเดียวก็พอ แต่ยาดาฟเจิมหน้าผากภรรยาคนใหม่ติดต่อกันถึง 4 ครั้ง ตามเสียงเชียร์ของชาวบ้านที่มุงอยู่รอบ ๆ เพื่อรอฉลองการแต่งงานของพวกเขา
ขณะที่ ติเลศวร อดีตพ่อตา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เขามีความสุขมากที่ได้จัดงานแต่งงานให้ ยาดาฟ และ คีตา
สื่อท้องถิ่นของอินเดียรายงานว่า ยาดาฟพาคีตากลับไปอยู่กับเขาที่บ้านอย่างเปิดเผยต่อหน้าชาวบ้าน แต่ไม่มีรายละเอียดของติเลศวรซึ่งกลายเป็นอดีตสามีของคีตาไปแล้วว่า เขาจะยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับคู่บ่าวสาวคู่ใหม่นี้หรือไม่