ตำรวจล่อซื้อยาบ้า แต่คนมาส่งคือตำรวจที่ทำงานเดียวกัน เผยเหตุผลสุดพีก สาเหตุที่นัดรับของข้างโรงพัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (18 ม.ค.) ที่โรงพัก สภ.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ พ.ต.อ วิริยะบัณฑิตย์ สถิตย์สุุชาติ ผกก.สภ.หนองปลิง ได้เปิดเผยกรณีการจับกุมผู้ใต้บังคับบัญชา คือ ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ อายุ 55 ปี รองสารวัตรฝ่ายปราบปราม สภ.หนองปลิง ค้ายาเสพติดบริเวณข้างอาคารสถานีตำรวจ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยสามารถตรวจยึดของกลางยาบ้าได้จำนวน 40 เม็ด และเงินสดที่ถูกล่อซื้อจำนวน 1,000 บาท โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย

ซึ่งเรื่องนี้ พ.ต.อ.วิริยะบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเข้ามารับตำแหน่ง ผกก.สภ.หนองปลิง เมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีการสืบทางลับเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งตนได้ทราบข่าวมาก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่ง

กระทั่งมีการสืบทราบว่า ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ รองสารวัตรฝ่ายปราบปราม ในสังกัด มีพฤติกรรมลักลอบค้ายาบ้ามานาน อีกทั้งยังมีการใช้พื้นที่บริเวณโรงพักแอบขายยาเสพติดด้วย จึงได้มีการประสานความร่วมมือกับทางตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนครสวรรค์ ในการร่วมกันสืบสวนและเก็บหลักฐาน

จนนำไปสู่ที่มาของการจับกุม ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ พร้อมกับขยายผลไปถึงผู้ร่วมขบวนการในพื้นที่ อ.พยุหะคีรี ได้สำเร็จ ซึ่งคดีนี้ นอกจากจะมี ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ ตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว ยังมีผู้ต้องหาที่เป็นชาวบ้านอีก 3 คน ได้ของกลางเป็นยาบ้ารวมทั้งหมมด 333 เม็ด

พ.ต.อ.วิริยะบัณฑิตย์ กล่าวในส่วนของ ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ ว่า เจ้าตัวถูกจับกุมด้วยการล่อซื้อ ซึ่งวันที่จับกุม ทางเราและเจ้าหน้าที่ชุดสืบจังหวัด ได้มีการวางแผนด้วยการส่งสายลับไปทำการล่อซื้อยาบ้าจาก ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ จำนวน 40 เม็ด ในราคา 1,500 บาท และทาง ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ ก็มีการได้นัดหมายให้สายลับเข้ามารับของที่บริเวณโรงเก็บรถของกลาง ด้านข้างอาคารโรงพัก ในช่วงเวลา 14.30 น.

กระทั่งเมื่อถึงเวลา จึงได้ส่งสายรับไปทำการล่อซื้อตามที่หมายก่อนจะมีการส่งมอบของและจ่ายเงินกัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่ดักซุ่มรอดูพฤติกรรม รีบเข้าไปจับกุมเจ้าตัว ขณะกำลังรีบเดินขึ้นโรงพัก พร้อมกับยึดของกลางที่ใช้ในการล่อซื้อทั้งหมด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการตรวจสารเสพติดกับ ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ ด้วยหรือไม่ ผกก.สภ.หนองปลิง ระบุว่า ได้ตรวจแล้ว และพบสารเสพติดในร่างกายของเจ้าตัว อีกทั้งยังได้มีการขยายผลไปตรวจห้องพักภายในแฟลตตำรวจ ที่อยู่ด้านหลังโรงพัก ก็ไปตรวจพบว่ามียาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในห้องอีก 42 เม็ด

ส่วนการสอบสวน ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ เจ้าตัวยอมรับว่า ยาบ้าที่ถูกล่อซื้อ และที่ค้นเจอภายในห้องพักนั้น เป็นของตนเองจริง ส่วนที่ต้องมาทำอาชีพเสริมเป็นพ่อค้าขายยาบ้า เป็นเพราะเจ้าตัวเสพติดยาบ้ามานาน โดยตอนแรกก็เป็นเพียงแค่ผู้เสพ แต่พอเสพหนักเข้า ก็ผันตัวมาเป็นนักค้ายา เพื่อหาเงินเอามาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ส่วนที่เลือกโรงพักเป็นสถานที่ขายยานั้น เนื่องจากเคยลองทำแล้ว รู้สึกปลอดภัย ประกอบกับเป็นที่รู้กันในหมู่นักเสพด้วย หากมาซื้อยาบ้ากับ ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ จะปลอดภัย จึงเลือกใช้บริเวณข้างโรงพัก เป็นที่นัดหมายให้มาซื้อยาบ้าหลายครั้ง จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวในที่สุด

ทั้งนี้ ได้มีการทำเรื่องปลด ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ ออกจากการเป็นตำรวจ โดยเจ้าตัวได้ถูกศาลตัดสิน และถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้ว