วันที่ 5 ก.ย. 66 จากกรณีพบศพหญิงสาวถูกนำไปทิ้งที่ริมถนนในพื้นที่หมู่ 4 ต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ โดยพบว่าศพถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่ลำคอกระสุนฝังในกระดูกต้นคอจำนวน 8 เม็ด และต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.สุกัญญา หรือ แพร อายุ 30 ปี
ซึ่งมาเช่าบ้านที่หมู่ 2 ต.เขาดิน ร่วมกับสามีคือนายบ่าว หรือนายธรรมนูญ อายุ 49 ปี ชาวอำเภอถ้ำพรรณาราย จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งหลังพบศพได้หลบหนีเก็บข้าวของจากบ้านเช่ารวมทั้งรถยนต์เก๋ง 1 คัน และรถกระบะ 1 คันหนีไปแล้ว
โดยพบศพเมื่อ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ต่อมาทางตำรวจสืบสวนจนทราบว่า ผู้ลงมือคือนายบ่าว ซึ่งมีเหตุจูงใจคือความหึงหวง เนื่องจากก่อนพบศพพบว่าผู้ตายถูกสามีซ้อมจนบาดเจ็บตามลำตัวและใบหน้าซึ่งเพื่อนบ้านพบเห็นครั้งสุดท้ายวันที่ 26 ส.ค.66 ก่อนที่จะหายตัวไป
ล่าสุด พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สส.ภ.จ.กระบี่ นำกำลังชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กระบี่ ชุดสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช พร้อมชุดสวาทราชเดชกระบี่ ร่วม 20 นาย นำหมายจับศาล จ.กระบี่ เลขที่ 356/2566 ลงวันที่ 1 ก.ย.66 เข้าปิดล้อมบ้าน 2 ชั้นไม่มีเลขที่ ในพื้นที่หมู่ 7 ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช
หลังสืบทราบว่านายธรรนูญ หรือบ่าว อายุ 49 ปี หรือ “บ่าว หน้าลาย” ผู้ต้องหาตามหมายจับ หนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านดังกล่าว ตำรวจปิดล้อมอยู่นานร่วม 1 ชม. เจรจาบอกให้นายธรรมนูญ หรือบ่าว ยอมออกมามอบตัว แต่เจ้าตัวนิ่งเงียบไม่พูดโต้ตอบ จนท.เกรงว่าผู้ต้องหาจะมีอาวุธปืนติดตัวอยู่ จึงตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตายิงใส่ไปในบ้าน
จนต่อมามีเด็กชายวัย 15 ปี เป็นลูกชายนายธรรมนูญ ซึ่งเป็นลูกกับภรรยาเก่า วิ่งหนีออกมานอกบ้าน จนท.จึงพาตัวไปอยู่ในที่ปลอดภัย จากนั้นนายธรรมนูญ พยายามวิ่งออกมาทางหลังบ้านจะหลบหนี จนท.ที่ปิดล้อมอยู่จึงบุกเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้
ตรวจสอบในบ้านพบอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก พร้อมตรวจยึดรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ตอนครึ่ง ซึ่งผู้ต้องหาใช้ขับหลบหนี โดยตำรวจจะนำรถไปให้ชุดพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากเชื่อว่าในรถน่าจะมีอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ
โดยนายบ่าวยอมรับว่า วันเกิดเหตุ ตัวเองได้ขับรถเก๋งไปกับภรรยา จากนั้นได้มีปากเสียงเรื่องที่ภรรยามาสอบถามเรื่องที่ดิน ที่อ.ถ้ำพรรณนาราย ที่ตัวเองได้ขายไปให้กับญาติแต่ยังไม่ได้โอนทำให้เกิดมีปากเสียงกันขึ้น
ตัวเองได้ชักปืนลูกซองออกมาและกระแทกกับเบาะกระสุนพุ่งถูกภรรยาเสียชีวิตทันที ด้วยความตกใจก็รีบขับรถกลับบ้านและบอกกับญาติ แต่ไม่มีใครช่วยจึงได้นำศพไปทิ้งริมถนน
และนำรถเก๋งที่เปื้อนเลือดไปทิ้งในสวนปาล์มน้ำมันริมห้วยแล้วกลับมาเอารถกระบะหลบหนีไปที่บ้านญาติที่ อ.ฉวาง ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นตัวเองหลังหนีไปที่ อ.ฉวางก็ได้นำไปทิ้งลงแม่น้ำฉวางแล้ว