‘พิธา’ แถลง ศาลรธน. ไร้อำนาจ เผย 9 เหตุผล สู้คดี ยุบพรรคก้าวไกล

Home » ‘พิธา’ แถลง ศาลรธน. ไร้อำนาจ เผย 9 เหตุผล สู้คดี ยุบพรรคก้าวไกล
9ข้อสู้คดี-min

ก้าวไกลแถลง ‘ยุบพรรค’ ต้องเป็น มาตรการสุดท้าย เผย 9 เหตุผล ต่อสู้คดี หลังมีคำสั่ง ลั่น ศาลรธน. ไร้อำนาจตัดสินคดี

พิธา แถลง ต่อสู้การยุบพรรค

จากกรณี เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกเอกสารผลการประชุม ในคดีขอให้ พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งมี กกต. เป็นผู้ร้อง โดยมีนัดหมายพิจารณาคดี วันที่ 12 มิถุนายนนี้ พร้อมออกคำสั่งให้คู่กรณีงดการแสดงความคิดเห็นก่อนมีคำวินิจฉัย

ล่าสุดวันที่ 9 มิ.ย. 2567 เวลาประมาณ 09.00 น. พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้มีการแถลงแนวทางการต่อสู้คดียุบพรรค กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคําสั่งยุบพรรคก้าวไกล

โดยระบุว่า ข้อเสนอไว้ 9 ข้อ โดยเน้นที่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งแบ่งเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ กระบวนการ ข้อเท็จจริง และสัดส่วนโทษ ดังนี้

  1. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้
  2. กระบวนการยื่นคำร้องของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
  3. คำวินิจฉัยเมื่อ 31 ม.ค.67 ไม่ผูกพันการวินิจฉัยคดีนี้ 
  4. การกระทำที่ถูกกล่าวหาไม่ใช่การล้มล้าง
  5. การกระทำตามคำวินิจฉัยเมื่อ 31 ม.ค.2567 ไม่เป็นมติพรรค
  6. โทษยุบพรรคต้องเป็นมาตรการสุดท้าย เมื่อจำเป็น ฉุกเฉิน ฉับพลัน และไม่มีวิธีแก้ไขอื่น
  7. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 
  8. จำนวนปีในการตัดสิทธิทางการเมืองต้องได้ สัดส่วนกับความผิด  
  9. การพิจารณาโทษต้องสอดคล้องกับกรรมการบริหารพรรคในช่วงที่ถูกกล่าวหา
พิธา แถลง ต่อสู้การยุบพรรค

โดย นายพิธา ได้กล่าวว่า ตนขอยืนยันในสิ่งที่พวกเราต่อสู้ตั้งแต่การยุบพรรคอนาคตใหม่ ในเรื่องขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 ระบุชัดเจนว่า อำนาจเฉพาะของศาลรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่และอำนาจ 3 ข้อต่อไปนี้ 1.พิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับกฎหมายและร่างกฎหมาย 2.พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจ และหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ 3.หน้าที่และอำนาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้มีการศึกษาก็ไม่มีอำนาจข้อไหนที่ระบุไว้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจตัดสิทธิการเมือง

ในการยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค อย่างพรรคอนาคตใหม่ พรรคไทยรักษาชาติ และพรรคก้าวไกล มีความแตกต่างกัน โดยหลักเกณฑ์และวิธีของ กกต. เกี่ยวกับมาตรา 93 ได้เปลี่ยนไปในเดือนก.พ. 2566 สมัยพรรคอนาคตใหม่และพรรคไทยรักษาชาติไม่มีเกณฑ์นี้

  • ‘ก้าวไกล’ ยืนยัน เดินหน้าแถลงเปิดแนวทางสู้คดีศาล รธน. 9 มิ.ย.นี้ แน่นอน
  • ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล 12 มิ.ย.นี้
  • เน่าเฟะ! ก้าวไกล แฉ ‘ส่วยทุเรียน’ แชทหลุดสั่งหามาต้อนรับ ตร.ชั้นผู้ใหญ่

ระเบียบ กกต. 2566 ระบุไว้ชัดเจนในข้อ 7 ว่า การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง บุคคลและคณะบุคคลที่นายทะเบียนแต่งตั้ง ต้องให้ผู้ร้องหรือพรรคการเมือง มีโอกาสรับทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสได้โต้แย้ง และแสดงพยานหลักฐานของตน ก่อนมีการเสนอรายงานรวบรวมข้อเท็จจริงต่อนายทะเบียนพิจารณา

กกต.ยังใช้คำวินิจฉัยในคดีวันที่ 31 ม.ค. เป็นเพียงหลักฐานเดียวในการยื่นยุบพรรคในครั้งนี้ แล้วหวังว่าจะมีความผูกพันคดี สำหรับการยุบพรรคจะเป็นมาตรการสุดท้ายเมื่อจำเป็นหรือฉุกเฉิน ฉับพลัน และไม่มีทางอื่นแก้ไขในระบอบประชาธิปไตย

อีกทั้งสภาฯ ยังสามารถยับยั้งแก้ไขได้ หากการแก้มาตรา 112 เข้าสภาและมีการอภิปรายในเรื่องนี้ ก็ยังสามารถยับยั้งแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่น ด้วยระบบนิติบัญญัติ ศาลรัฐธรรมนูญสามารถใช้สิทธิ์วีโต้ได้ ทั้งก่อนและหลังกฎหมายผ่านการบังคับใช้จากสภา แสดงให้เห็นว่าระบบนิติบัญญัติสามารถยับยั้งได้ด้วยตนเอง

และการพิจารณาโทษต้องสอดคล้องกับชุด กก.บห. ในระยะเวลาที่ถูกกล่าวหา ในกรณีของพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็นการสั่งชะลอจาก กกต. ระบบนิติบัญญัติ และการกระทำที่ยังไม่เกิดขึ้น และเมื่อมีคำวินิจฉัยในเดือนม.ค. พรรคก้าวไกลก็หยุดการกระทำ ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการสุดท้ายในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหากมีการใช้ ก็เท่ากับว่าเป็นการทำลายประชาธิปไตยเสียเอง ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ