‘พิธา’ ชี้ ปมวาระ 8 ปีนายกฯ ไม่จำเป็นต้องถึงศาลรธน. หาก ‘บิ๊กตู่’ นับเลขถูก จี้ ถามหาจิตสำนึก เรียกตนเองว่า นายกฯมาตลอดหรือไม่
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2565 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า ตอนนี้แบ่งเป็น 3 แพร่ง คือ เริ่มนับปี 2557 ปี 2560 และปี 2562 แต่ที่ดูกฎหมายคิดว่าเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเริ่มนับปี 57
นายพิธา กล่าวต่อว่า มันไม่ได้เป็นเรื่องของกฎหมายย้อนหลังหรือไม่ แต่เป็นเรื่องความต่อเนื่องของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บันทึกไว้ในบทเฉพาะกาลชัดเจนว่า หากเป็นครม.ที่มาก่อนรัฐธรรมนูญนี้ ขอให้เป็นครม.ต่อไป ซึ่งใช้คำว่า ‘เป็น’ ไม่ได้ใช้คำว่า ‘ทำหน้าที่’ หรือ ‘คิดว่าเป็น’
นายพิธา กล่าวว่า กฎหมายจะย้อนหลังหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นกฎหมายอาญาหรือกฎหมายมหาชน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมายมหาชน ก็จะต้องตีความว่า การกระทำแบบนี้เป็นการคุ้มครองหรือการควบคุม หากเป็นการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากเป็นการควบคุมจำกัดจากการใช้อำนาจของรัฐก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นายพิธา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เรื่องนี้ประชาชนจับตาดูศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกลไกตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญปี 60 ว่าจะทำหน้าที่หรือไม่ ขณะเดียวกันในแง่ของการเมือง ถ้าถามถึงความชอบธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ 8 ปีมันยาวเกิน และเป็น 8 ปีที่ปราศจากการเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะพิจารณาตนเองแล้วลาออกหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ถ้าเป็นตน จะถามตัวเองว่าคนที่มีสิทธิวินิจฉัยตนเองมากที่สุดคือประชาชน ประชาชนเรียกเขาว่าเป็นนายกฯ แม้จะชอบหรือไม่ ก็ถูกปกครองโดย พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด 8 ปี หากนับเลขถูกและเรียกตัวเองว่าเป็นนายกฯ มาตลอด 8 ปีก็จบที่จิตสำนึก อยู่ที่สามัญสำนึกของเขา ซึ่งจริงๆ ไม่จำเป็นต้องถึงศาลรัฐธรรมนูญตีความใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ได้อยู่ต่อ กระแสของประชาชนจะเป็นอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่าประชาชนยอมรับไม่ได้ เพราะความชอบธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ หมดไปเยอะ ประชาชนคงอดทนรออีกไม่ไหว ถ้าเคารพประชาชนก็ควรจะลาออก แต่ถ้าไม่ได้ ตนก็จะสะท้อนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งค่อนข้างแน่นอน