เปิดวาทะดุเดือด! ‘พิธา’เผยต่อผู้สื่อข่าว CNN ไม่กังวลผลโหวตส.ว. ถ้าไม่เคารพเสียงปชช. มีราคาที่ต้องจ่าย พร้อมเล่าแนวทาง 3D พาประเทศไทยกลับมาผงาดอยู่ในเวทีระดับโลก
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) ของสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวครั้งแรก ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและว่าที่นายกคนที่ 30 ของประเทศไทย ในรายการ Quest Means Business เป็นภาษาอังกฤษยาว 8.39 นาที
ระบุหัวข้อว่า “Head of Thailand’s victorious Move Forward Party speaks to Zain Asher” หัวหน้าพรรคก้าวไกลเพิ่งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งพูดคุยกับซาอิน แอชเชอร์ (ผู้ประกาศข่าวหญิง)
พิธากล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลงที่นี่ในประเทศไทย เห็นได้จากมติมหาชนผ่านผลคะแนนการเลือกตั้งมากเป็นประวัติการณ์ แสดงให้เห็นว่านโยบายเหล่านี้ไม่เพียงโดนใจเยาวชนเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงทั่วทั้งสังคมด้วย พร้อมตอบคำถามเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลและการก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีว่า “พรรคก้าวไกลกำลังเจรจากับพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม”
ตามรายงานซีเอ็นเอ็น สิ่งที่ประชาชนจับตาคือ สว. 250 เสียงที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดย คสช. พรรคหรือแนวร่วมจำเป็นต้องได้เสียงข้างมากในสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาล โดยผู้สื่อข่าวตั้งคำถามว่า พรรคก้าวไกลจะมีแนวทางในการฝ่าของ ส.ว. 250 เสียงไปได้อย่างไร
ในกรณีนี้พิธากล่าวว่า ความสามัคคีอันเป็นเอกภาพของ ส.ว. อาจแตกต่างจากเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาที่โหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเอกฉันท์ เนื่องจากต้องคำนึงถึง ความสำคัญในความคิดเห็นสาธารณะของประชาชนเปลี่ยนแปลงไปแล้ว”
“ถ้าเราเดินหน้าสื่อสารกันต่อไป พร้อมอธิบายสิ่งที่เรากำลังพยายามทำเพื่อประเทศ เรามีความหมายในด้านการเปลี่ยนแปลงต่อประเทศนี้มากเพียงใด ผมคิดว่า (ส.ว.) จะไม่คัดค้าน นอกจากนี้ ยังมีราคาที่ต้องจ่าย หากพวกเขาคัดค้านเสียงของประชาชน 25 ล้านเสียง ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นสูงมาก” พิธากล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังตั้งคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากกองทัพไทยตัดสินใจล้มล้างผลการเลือกตั้ง พิธากล่าวว่า “เราจำเป็นที่จะต้องลดความเสี่ยงเหล่านั้นให้เหลือน้อยที่สุด” ซึ่งพิธาเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ พร้อมเสริมว่า พรรคก้าวไกลมีทีมงานในพรรคที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพทำหน้าที่อย่างเต็มที่ สร้างหลักประกันว่าทางพรรคได้ลดความเสี่ยงให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดของการล้มล้างผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะมุ่งหน้าอธิบายกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง”
จากนั้นผู้สื่อข่าวอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2562 เกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรค และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี หากนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 4 ปีที่แล้วได้สร้างความกังวลให้กับตัวพิธามากน้อยเพียงใด
“ผมไม่ได้กังวล แต่ก็ไม่ประมาทเช่นกัน ผมอยู่ในแวดวงการเมืองในเมืองไทยมา 20 ปีแล้วตั้งแต่ตำแหน่งเล็ก ๆ ดังนั้น ผมจึงมีโอกาสเห็นความโหดเหี้ยมของการเมืองทั่วโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น”
“สิ่งที่เราต้องทำคือ ไม่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้มากจนเกินไป แต่จะเรียนรู้จากอดีตและป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้ ทางพรรคก้าวไกลมีทีมกฎหมายที่แข็งแกร่ง มีแนวปฏิบัติที่รัดกุม เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะไม่ตกเป็นเป้าที่จะถูกยุบพรรคได้ง่าย ๆ อีกครั้ง “
ส่วนลำดับความสำคัญของนโยบายของเขาในช่วง 4 ปีข้างหน้า คือ 3D ได้แก่ Demilitarize ลดกำลังทหาร Demonopolize ลดทุนผูกขาด และ Decentralizeกระจายอำนาจ “ด้วยแนวทาง 3 แนวทางนั่นเป็นหนทางเดียวที่เราจะสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และทำให้แน่ใจว่าประเทศไทยกลับมาทำธุรกิจได้ ประเทศไทยกลับมาผงาดอยู่ในเวทีระดับโลก และทำให้แน่ใจว่าประเทศจะมีส่วนร่วมและได้ประโยชน์จากโลกาภิวัตน์”
นับตั้งแต่คลิปดังกล่าวถูกแชร์ก็กลายเป็นกระแสไวรัลที่ชาวเน็ตแห่ปลื้มใจ ว่าที่นายกคนที่ 30 ของชาติสามารถภาษาอังกฤษฉะฉาน ตอบคำถามอย่างคล่องแคล่วโดยไม่จำเป็นต้องใช้ล่าม พร้อมชื่นชมเกี่ยวกับบุคลิคและภาพลักษณ์ของหัวหน้าพรรค
ขอบคุณที่มาจาก CNN