พิธา เคลียร์ชัด 3 ปมร้อน ตอบจดหมายตัวแทนข้าราชการบำนาญ ยืนยันไม่ตัด ไม่ลดบำนาญ ย้ำรู้ว่าเสี่ยงแต่ถ้าไม่พูดอาจสายเกินการณ์
วันที่ 7 มิ.ย.2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบจดหมาย นายศรศักดิ์ อ้วนล้วน ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิและสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย ต่อกรณีการอภิปรายงบประมาณปี 2566 เกี่ยวกับผลกระทบต่อข้าราชการบำนาญว่า เป็นการตอบจดหมายตามสัญญา เพื่อตอบข้อสงสัยที่มีต่อการอภิปรายงบประมาณของตนในสภา 3 ประเด็น
ประเด็นที่ 1 มีอคติกับข้าราชการบำนาญหรือไม่ อะไรคือความหมายของ “งบช้างป่วย” ซึ่งงบช้างป่วย ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงข้าราชการบำนาญ แต่หมายถึงวิธีจัดงบประมาณประเทศของรัฐบาล ที่รวมถึง รายได้ รายจ่าย การกู้ชดเชยขาดดุล ซึ่งไม่สามารถทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งตนก็มีคนในครอบครัวเป็นข้าราชการบำนาญ ตนก็เคยทำงานที่กระทรวงพาณิชย์ เข้าใจหัวอกข้าราชการเรื่องค่าตอบแทนที่น้อยกว่าเอกชน และปัญหาของข้าราชการไทยในการดูแลประชาชนไม่มากก็น้อย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะมีอคติต่อข้าราชการค
ประเด็นที่ 2 มีนโยบายในการตัดงบประมาณเงินเดือนหรือบำนาญหรือไม่ ตนยืนยันว่าไม่ตัด ไม่ลด เงินบำนาญจะไม่ถูกกระทบ
“ผมไม่เคยพูดว่าบำนาญ เป็นปัญหาหรือภาระ แต่พูดว่าหากหารายได้ เก็บรายได้ ไม่สอดคล้องรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะมีปัญหา รวมถึงสวัสดิการประชาชนหรือสวัสดิการข้าราชการในอนาคต ในทางกลับกัน ถ้าไม่พูดถึงตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อช่วยกันแก้ไข เกรงว่าสถานการณ์อาจสายเกินแก้ และอาจกลายเป็นปัญหาขึ้นมาจริงๆ เมื่อรัฐบาลหารายได้ให้สอดคล้องกับรายจ่ายในอนาคตไม่ได้ จึงอยากกันไว้ดีกว่าแก้” นายพิธา กล่าว
ประเด็นที่ 3 กรณีรู้สึกว่าการอภิปรายทำลายความรู้สึกของผู้อาวุโส พาดพิงให้เกิดความเสียหายนั้น ตนขอยืนยันในเจตนาและความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่มีเจตนาในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร เพื่อทำลายความรู้สึก ยืนยันว่าเคารพประชาชนทุกคนเท่ากัน ไม่ว่าข้าราชการหรือประชาชน โดยเฉพาะผู้อาวุโส ในช่วงวิกฤตสังคมสูงวัยที่ตนต้องการทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนดีขึ้น
ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกข้อท้วงติง คำแนะนำ และขออภัย หากการทำหน้าที่ผู้แทนฯของตนทำให้กังวลใจ เสียใจ หรือเสียความรู้สึก ก่อนอภิปรายนั้น พอทราบว่ามีความเสี่ยงในการพูดเรื่องนี้ แต่คิดว่าควรพูดตั้งแต่ตอนนี้ แทนที่จะไปพูดในอนาคต เพราะเป็นห่วงสถานการณ์งบประมาณ โดยเฉพาะรายได้ของเราในอนาคตที่อาจจะกระทบกับคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะอายุหรือสาขาอาชีพอะไร ตอนนี้เรายังมีเวลามาระดมสมองช่วยกันก่อนจะสายเกินแก้ ขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน