“พิธา” ไม่ปิดประตูผู้นำฝ่ายค้านฯ ขอรอความชัดเจนเรื่องคดี พร้อมอวยพร ครม.ชุดใหม่ ยกคำพูด “ณัฐวุฒิ” ย้ำไม่มีเวลาฮันนีมูนต่อไป ขอเร่งทำงานให้ได้เหมือนที่หาเสียง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า ตนคงไม่ได้วิเคราะห์จากหน้าตาหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่วิเคราะห์ในเรื่องของหลักการ ว่ามีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร ขออวยพรให้ ครม.ชุดนี้สามารถทำงานได้ตามที่หาเสียงเอาไว้ เพราะหาเสียงคล้ายๆ กัน ตอนที่ไปดีเบต ก่อนเลือกตั้งเมื่อถามกันเกี่ยวกับเรื่องของการปฏิรูปกองทัพ เรื่องการทลายทุนผูกขาดก็ตอบเหมือนๆ กัน
ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องฟังคำวิจารณ์จากทางฝั่งฝ่ายค้าน แต่ขอให้จำให้ได้ว่า Digital Foot print เป็นอย่างไร และจำให้ได้ว่าตอนที่ดีเบตหาเสียงผ่านสื่อบอกว่าอย่างไร เช่นบอกว่าจะปฏิรูปกองทัพ คือปฏิรูปกองทัพ บอกว่าการคมนาคมสำหรับคนทุกคนก็คือการคมนาคมสำหรับทุกคน หรือบอกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยที่รับผิดชอบกับระเบียบวินัยการเงิน การคลัง และการใช้ภาษีของประชาชนให้คุ้มค่า ก็ขอให้ทำตามแค่นั้นเลย
แต่ในส่วนของตนก็ยืนยันว่า จะยังคงทำงานไม่ว่าในสภาหรือนอกสภา หรือนอกทำเนียบ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งตนก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุก คือการเตรียมตัวที่จะ สู้ศึกเลือกตั้งในการทำงานครั้งต่อไป รวมถึงการทำงานทางความคิดกับคนที่เคยคิดเห็นต่างกับเรา ให้เห็นภาพว่าการเมืองที่เป็นไปได้พวกเขาจะมีส่วนร่วม เพื่อให้เห็นว่าวิธีคิดของเรามีแต่ได้กับได้ และเป็นการเมืองที่มีพื้นที่ให้กับทุกคน
ส่วนจะให้เวลากับรัฐบาลชุดนี้ในการทำงานนานแค่ไหนก่อนที่จะตรวจสอบนั้น นายพิธา กล่าวว่า ขอยึดคำของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยที่มีน้ำหนัก โดยระบุว่า ไม่มีเวลารอฮันนีมูนต่อไป เพราะว่าความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนรอมานานแล้ว อยากจะให้รีบทำงานให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
สำหรับการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลนั้น นายพิธา กล่าวว่า กำลังรอเอกสารนโยบายจากทางรัฐบาลอยู่ หากตามมารยาททางการเมือง ก็จะต้องทำให้เร็ว เพื่อให้มีเวลาในการศึกษาประมาณ 5 วันก่อนที่จะมีการอภิปราย การจะให้เวลา 2-3 วันก่อนนะที่อภิปรายคงเป็นไปไม่ได้เพราะมีสาระในรายละเอียดเยอะ
ขณะเดียวกัน ก็ต้องสื่อสารให้พี่น้องประชาชนได้สบายใจว่า ขณะนี้ทางพรรคก้าวไกลเริ่มเก็งข้อสอบไปได้บ้างแล้ว โดยติดตามจากการหาเสียงก่อนเลือกตั้ง หากไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในนโยบายก็ต้องถามว่ามีเหตุผลอย่างไร และจะต้องถามว่าใช้เวลาเท่าไหร่ งบประมาณเท่าไหร่ในการดำเนินการด้วย เช่นโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ใช้งบประมาณเท่าไหร่และจะทำให้กลายเป็นตั๋วร่วมทั้งรถไฟฟ้าทั้งเรืออย่างไร ซึ่งได้มีการเตรียมเก็งข้อสอบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีก็อยากเห็นรูปเล่มเร็วๆเพื่อให้สามารถทำงานได้
นายพิธา ยังกล่าวด้วยว่า ในการประชุมพรรควันนี้ได้พูดคุยกัน ถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะต้องรอการตัดสินคดีของตน ซึ่งอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญก่อน เพราะตามมาตรา 106 ของรัฐธรรมนูญ ตำแหน่งนี้ต้องเป็นของพรรคอันดับ 1 และต้องเป็น สส.อยู่ แต่ตำแหน่งนี้ไม่ควรไหลไปพรรคอื่น ถ้าตนกลับเข้าไปในสภา คนที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านก่อนหน้านี้ ก็ควรจะสิ้นสุดหน้าที่และไหลกลับมา เพราะเงื่อนไขได้เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ การจะวิเคราะห์เรื่องตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ มีหลายมิติ มีมิติส่วนตัว มีมิติของพรรคและมีมิติตามรัฐธรรมนูญตามกฎหมายที่จะต้องมี ส่วนตัวผมไม่ยึดติดกับตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนพยายามที่จะกดดันให้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรลาออก ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างเดียว ผมไม่ยึดติดกับตำแหน่ง แต่ถ้าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 ก็คงต้องว่ากันอีกที แต่ก็อย่างที่บอกว่าในที่ประชุม สส.ในมุมมองของพรรค ไม่ใช่ส่วนบุคคล แต่เป็นพรรคบอกว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรคือจะต้องรอให้คดีในส่วนของผมมีความชัดเจนอยู่ ที่ตรงกับอดีตประธานสภาชวน หลีกภัย พูดไว้ว่าไม่จำเป็นต้องมี ผู้นำฝ่ายค้าในสภาผู้แทนราษฎรตอนนี้
นอกจากนี้ ในที่ประชุมพรรคยังมีการพูดคุยกันถึงการ สนับสนุนการเลือกตั้งซ่อม สส.ระยองว่า ในวันที่ 10 กันยายนนี้ตั้งแต่ 08.00 น. เป็นต้นไป พรรคจะระดม สส. ของพรรคทั่วประเทศไปรวมตัวกันที่นั่น เพื่อให้ประชาชน ชาวระยองมั่นใจและมาใช้สิทธิ์กันมากๆ เพื่อเตรียมสื่อสารในโค้งสุดท้ายให้มั่นใจว่า เราจะได้ สส.ระยองเขต 3 กลับมาเป็นของพรรคก้าวไกลแน่นอน