พิธา ลุยพิษณุโลก ช่วยผู้สมัครหาเสียง ชูนโยบาย 4 ป. ก่อนนำทัพก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยกลางเมืองพิษณุโลกเย็นนี้ เปิดผู้สมัครครบ 5 เขต
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2566 แกนนำพรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค น.ส.เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และนพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมกิจกรรมหาเสียงกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก ทั้ง 5 เขต
ก่อนจะร่วมเปิดเวทีปราศรัยในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ เวลา 17.00 น. ที่ลานกลางเมืองสวนชมน่าน ซึ่งจะมีการปราศรัยของแกนนำพรรค และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมกับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครครบทั้ง 5 เขต
โดยนายพิธา เดินหาเสียงพบปะประชาชนในเขตชุมชน ที่อ.นครไทย ร่วมกับนายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 5 ตามด้วยการเปิดเวทีพูดคุยพบปะประชาชน ที่วัดหนองกะท้าว ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย และที่ ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง ร่วมกับนายโชคดี สายนำพามีลาภ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 3 โดยประชาชนส่วนมากประสบปัญหาในเรื่องที่ดินทำกิน
นายพิธา กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ดินฯ ตนได้เดินทางมาพิษณุโลกบ่อยครั้ง เพราะเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีปัญหาที่ดินหลายกรณีมาก ตนจึงนำข้อเสนอ “4 ปลดล็อก” มาเสนอ เพื่อแก้ปัญหาให้กับทุกคนที่นี่ รวมถึงประชาชนทั่วประเทศที่เผชิญปัญหาแบบเดียวกัน จากปัญหาระยะสั้นไปถึงปัญหาระยะยาว ให้แก้ปัญหาไปถึงอนาคตของลูกหลานทุกคน
นายพิธา กล่าวว่า ปลดล็อกที่หนึ่ง คือ ปลดล็อกสวัสดิการผู้สูงอายุ งบประมาณของประเทศที่ถูกจัดสรรผ่านมาทั้ง 4 ปี พบว่ามีงบที่ถูกนำไปใช้อย่างไม่มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะงบของกองทัพ ปัจจุบันสวัสดิการที่ให้กับผู้สูงอายุ เริ่มต้นที่ 100 บาท เฉลี่ยได้แค่วันละ 20 บาท หรือเป็นค่ากินแค่มื้อละ 7 บาท ได้ไข่ต้มแค่ฟองเดียว ไม่สอดคล้องกับสังคมสูงวัย ของแพงค่าแรงถูกในปัจจุบัน
พรรคก้าวไกลจึงมีนโยบายเปลี่ยนงบกองทัพที่ไม่จำเป็น เอามาทำเป็นงบประมาณ เพิ่มเบี้ยสูงอายุจาก 600 เป็น 3,000 บาทต่อเดือน นี่คือรัฐสวัสดิการที่ทำให้ผู้สูงอายุอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี คนหนุ่มสาวกล้าเสี่ยงเดินตามความฝัน โดยไม่ต้องกังวลถึงพ่อแก่แม่เฒ่า
ปลดล็อกที่สอง คือ การปลดล็อกที่ดิน หลายพื้นที่ เช่น อ.นครไทย มีสถานะเป็นเหมือนขนมชั้น คือ ส.ป.ก. ครอบทับกับกรมป่าไม้ ดูแลกันสองหน่วยงาน อำนาจบางส่วนทับซ้อนกัน ทำให้เวลาชาวบ้านไปเดินเรื่องก็ทำอะไรไม่ได้ เกี่ยงกันเป็นเก้าอี้ดนตรี พรรคก้าวไกลจึงมีนโยบาย เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ทวงคืน ส.ป.ก. จากนายทุนทั่วประเทศ 4 ล้านไร่ หาที่ดินเพิ่มให้ประชาชนอีก 6 ล้านไร่ รวมเป็น 10 ล้านไร่ แม้ยังน้อยเมื่อเทียบกับที่ดิน 320 ล้านไร่ที่ประเทศไทยมีอยู่ แต่อย่างน้อยนี่จะเป็นกระดุมเม็ดแรกที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ดินในระยะยาว
ปลดล็อกที่สาม คือ ปลดล็อกหนี้สิน โดยเฉพาะในภาคเกษตร ใครก็ตามที่เป็นหนี้ ธ.ก.ส. มีอายุเกิน 60 ปี และชำระหนี้เกินครึ่งของเงินต้นไปแล้ว นโยบายคือการปลดหนี้ให้ทันที และปลดล็อกที่สี่ คือปลดล็อกท้องถิ่น ด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เพราะการมีผู้ว่าแต่งตั้งมาจากกรุงเทพฯ มาปกครองทุกจังหวัด เป็นเรื่องของความจำเป็นเมื่อ 130 ปีที่แล้ว ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว
จากวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนถึงความไร้ประสิทธิภาพในการจัดการโดยสั่งการจากส่วนกลาง ยังไม่นับรวมกับหลายปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เช่น ปัญหาไฟป่า ปัญหาฝุ่น น้ำท่วม น้ำแล้ง ปัญหาเหล่านี้ต้องการคนรู้ปัญหา คนที่อยู่ใกล้ตัวกับประชาชน จึงจะได้รับการแก้ปัญหาได้ดีที่สุด
ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา นพ.วาโย และน.ส.เบญจา ร่วมกันพบปะประชาชน โดยเข้าดูประตูน้ำเขื่อนนเรศวร พร้อมเปิดเวทีพบปะพูดคุยกับประชาชน เกี่ยวกับประเด็นการจัดการน้ำและนโยบายด้านเกษตร ร่วมกับนายมีดี บัวแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 2 ก่อนที่จะเข้ามาในเขตเมือง เพื่อเปิดเวทีพบปะกับตัวแทนสภาเยาวชนพิษณุโลก ร่วมกับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 เพื่อพูดคุยประเด็นความต้องการของคนรุ่นใหม่ ทั้งในเรื่องของสิทธิเสรีภาพ การศึกษา และนโยบายด้านอื่นๆ ของพรรคก้าวไกล