พิธา ชูรัฐสวัสดิการ จุดแข็งก้าวไกล ปท.เจริญ-ลดเหลื่อมล้ำ ยันมีเงินจ่ายทำได้จริง

Home » พิธา ชูรัฐสวัสดิการ จุดแข็งก้าวไกล ปท.เจริญ-ลดเหลื่อมล้ำ ยันมีเงินจ่ายทำได้จริง


พิธา ชูรัฐสวัสดิการ จุดแข็งก้าวไกล ปท.เจริญ-ลดเหลื่อมล้ำ ยันมีเงินจ่ายทำได้จริง

‘พิธา’ ชู รัฐสวัสดิการ เป็นจุดแข็งพรรค พาประเทศเจริญ-ลดเหลื่อมล้ำ ยันมีเงินจ่ายทำได้จริง ชงรีดไขมันกองทัพ-ลดงบกลาง ลั่น กาก้าวไกล ประเทศไทยก้าวหน้า

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 มี.ค. 2566 ที่โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ (รางน้ำ) เครือมติชนจัดแคมเปญ “มติชน: เลือกตั้ง 2566 บทใหม่ประเทศไทย” เปิด 5 เวที 10 ยุทธศาสตร์ 2 กลยุทธ์ ซึ่งวันนี้เป็นเวทีแรก ประชันนโยบาย “ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง” ที่มีตัวแทนจาก 8 พรรคการเมืองร่วมขึ้นเวทีประชันนโยบาย

ในรอบที่ 3 นำเสนอจุดขายและจุดแข็งของพรรค โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงจุดแข็งของพรรคก้าวไกล ว่า ตนรู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสพูดในช่วงที่ 1 และช่วงที่ 2 เนื่องจากเป็นเหยื่อของฝุ่น PM 2.5 จนเป็นหลอดลมอักเสบ และเสียงไม่เต็มร้อย แต่ใจเต็มร้อยแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ตนสามารถตอบทุกคำถามตั้งแต่ช่วงที่ 1 และช่วงที่ 2 ทั้งการปฏิรูปกองทัพ ฝุ่น PM 2.5 และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ด้วยไลด์เพียงหนึ่งสไลด์ ตนสามารถตอบจุดแข็งของพรรคก้าวไกลด้วยคำเดียว คือ รัฐสวัสดิการ ที่จะทำให้การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคต มาจากจุดแข็งย่อยที่เราคิดมาตลอดว่า การเมืองกับเรื่องปากท้องเป็นเหรียญเดียวกันที่แยกกันไม่ออก

เรื่องเกี่ยวกับกัญชา เรื่องเกี่ยวกับแรงงาน เรื่องเกี่ยวกับฝุ่น PM 2.5 ถ้าอำนาจทางโครงสร้างยังไม่ใช่ คนที่เข้ามาในการเมืองจากการลากตั้ง ไม่ใช่การเลือกตั้ง การใช้ภาษีของประชาชน เพื่อแก้ปัญหาปากท้องอย่างยั่งยืนจึงเป็นไปไม่ได้ ตนไม่เชื่อว่าประเทศไทยจะทำเหมือนเมื่อ 40 ปีที่แล้วได้ แต่เราต้องมองไปถึงอนาคต ว่าประเทศจะต้องเจริญเติบโต และลดความเหลื่อมล้ำไปพร้อมกันได้ เราไม่ได้มองแค่ว่าจุดแข็งให้กลายเป็นโอกาส แต่เรามองจุดอ่อนให้เป็นโอกาสด้วย ทั้งหมดนี้สามารถย่อยออกมาได้เป็นรัฐสวัสดิการ

นายพิธา กล่าวต่อว่า เมื่อพูดถึงคำว่ารัฐสวัสดิการ เราจะนึกถึงประเทศแถบยุโรป ที่สวัสดิการดี ภาษีแพง แรงงานได้ค่าแรงดี แต่ทั้งหมดไม่ได้มีแค่นี้ เพราะความจริงคือเจตจำนงทางการเมือง การต่อสู้ของพี่น้องแรงงาน การที่พรรคใดพรรคหนึ่งได้ ส.ส.ในสภาฯ มาก เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงงบประมาณ การเสนอรีดงบกองทัพ แปลงมาเป็นสวัสดิการ คือคำพูดของ ประธานาธิบดีบิล คลินตัน ของสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1994 เพราะเห็นว่าความท้าทายเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

เช่นเดียวกับไทย หลายพรรคการเมืองคิดว่า เบี้ยผู้สูงอายุต้องเป็น 3,000 บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า เพราะทุกวันนี้เขาได้กันเดือนละ 600-700 บาท หาร 30 วันตกวันละประมาณ 20 บาท ถ้าคิด 3 มื้อ ตกมื้อละ 7 บาท เท่ากับไข่ต้ม 1 ฟอง เราจะเลี้ยงดูพ่อแก่แม่เฒ่าที่สู้มาก่อนเราด้วยไข่ต้ม 1 ฟองหรือ

“เราจึงต้องมีวิธีหาเงิน ซึ่งพรรคก้าวไกล มีเงินจ่ายทำได้จริง โดยการรีดไขมันจากกองทัพ การลดงบกลาง การทำภาษีความมั่งคั่ง รวมถึงต้องปรับโครงสร้าง และปฏิรูปเรื่องต่างๆ ใครที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ต้องคิดใหม่ ที่สำคัญเลือกก้าวไกล เพื่อให้ไทยก้าวหน้า” นายพิธา กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ