'พิชัย' ติง 'ประยุทธ์' ต้องไปแล้วไปเลย อย่ายึดติด ชี้ 10 เรื่องที่สุดแห่งความล้มเหลว

Home » 'พิชัย' ติง 'ประยุทธ์' ต้องไปแล้วไปเลย อย่ายึดติด ชี้ 10 เรื่องที่สุดแห่งความล้มเหลว


'พิชัย' ติง 'ประยุทธ์' ต้องไปแล้วไปเลย อย่ายึดติด ชี้ 10 เรื่องที่สุดแห่งความล้มเหลว

‘พิชัย’ ติง ‘ประยุทธ์’ ต้องไปแล้วไปเลย อย่ายึดติด ขนาดยอมลดตัวลงไปเป็นรมว. กลาโหม ชี้ 10 เรื่องที่สุดแห่งความล้มเหลว แนะถึงเวลาเปลี่ยนแปลงประเทศ

เมื่อวันที่ 30 ส.ค.65 ที่พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวในการเสวนาในหัวข้อ “8 ปี ประยุทธ์พอเถอะครับ ประเทศไทยต้องไปต่อ” ว่า หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกมติศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์น่าจะต้องทำใจได้แล้วว่า เวลาของพล.อ.ประยุทธ์ในการบริหารประเทศสิ้นสุดแล้ว อย่าดันทุรังต่อไปอีกเลย จะยิ่งสร้างความน่าอับอายให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น

นายพิชัย กล่าวต่อว่า การที่ผู้บังคับบัญชาทหารบกออกมาพูดสดุดี พล.อ.ประยุทธ์ก็หมายถึงการกล่าวชมเชย ในการสิ้นสุดการทำหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น ความพยายามของพล.อ.ประยุทธ์ที่จะยื้อแม้กระทั่งไปนั่งเป็น รมว.กลาโหม เป็นเรื่องที่ประชาชนจำนวนมากเห็นเป็นเรื่องน่าอับอาย เหมือนทำใจไม่ได้ ยังยึดติด ยึดมั่นถือมั่น ยอมลดเกรดตัวเองเพื่อยื้อที่จะอยู่

นายพิชัย กล่าวว่า ทั้งที่ต้องปล่อยวางได้แล้ว ลองคิดดูว่าประชาชนจำนวนมากดีใจอย่างมาก ที่พล.อ.ประยุทธ์ออกไป หากพล.อ.ประยุทธ์กลับมาใหม่จะยิ่งสร้างความโกรธและความไม่พอใจเป็นหลายเท่าทวีคูณ ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับประเทศอย่างมาก ดังนั้นเวลาของพล.อ.ประยุทธ์ได้หมดแล้ว และอย่าพยายามไปล็อบบี้ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีประโยชน์ ถ้ารอดก็น่าจะรอดแต่แรกไปแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์และเครือข่ายบริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด สมควรต้องไปทั้งหมดได้แล้ว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจล้มเหลวยิ่งกว่าล้มเหลว โดยมีประเด็นที่แสดงความล้มเหลวที่สุด 10 เรื่องดังนี้

1.รัฐบาลประยุทธ์เป็นรัฐบาลที่สร้างหนี้สาธารณะมากกว่าทุกรัฐบาลในอดีตรวมกัน ทำให้เป็นรัฐบาลที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากสุด

2.เป็นรัฐบาลใช้งบประมาณมากที่สุด แต่เศรษฐกิจกลับขยายตัวได้ต่ำที่สุด เฉลี่ยเพียงปีละ 1% กว่าเท่านั้น ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

3.เป็นรัฐบาลที่ลงทุนต่างประเทศเฉลี่ยต่อปีต่ำที่สุด เพราะขาดความน่าเชื่อถือ

4.เป็นรัฐบาลที่ราคาน้ำมันแพงสุด ก๊าซหุงต้มแพงสุด และไฟฟ้าแพงสุด ในขณะที่ช่วงที่พลังงานราคาถูกกลับทำเศรษฐกิจให้ขยายตัวไม่ได้ และผลิตไฟฟ้าล้นเกินมากที่สุด จ่ายค่าความพร้อมมากที่สุด

5.เป็นรัฐบาลที่ข้าวของแพงสุด มีเงินเฟ้อสูง แต่ประชาชนรายได้ไม่เพิ่ม

6.เป็นรัฐบาลที่คนจนมากสุด คนตกงานมากสุด และคนฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจมากที่สุด

7.ความสามารถแข่งขันต่ำสุด ขนาด IMD ปรับลดลง 5 อันดับ และโครงสร้างพื้นฐานเสื่อมสุดไม่ได้พัฒนา

8.มีการใช้งบทางการทหารมากที่สุด ซื้ออาวุธมากที่สุด ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ

9.เป็นรัฐบาลที่อันดับการทุจริตแย่ที่สุดปี 2564 อยู่อันดับ 110 จากการจัดอันดับขององค์กรสากล

10.โกหกมากที่สุด บอกว่าเศรษฐกิจดีทั้งที่แย่มาก ตั้งแต่ขอเวลาอีกไม่นานแต่ลากมา 8 ปี จะคืนความสุขแต่มีแต่ความทุกข์ คนจะอดตายกันหมดแล้ว แต่ยังยืนว่าตนเองบริหารได้ดี

นายพิชัย กล่าวว่า นี่เป็น 10 ที่สุดแห่งความล้มเหลว ย่ำแย่ ที่เป็นผลจากการบริหารของพล.อ.ประยุทธ์และเครือข่าย ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังจะเข้ามาจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยมี 4 เรื่องดังนี้

1.อัตราดอกเบี้ยที่น่าจะขึ้นอีกมาก ล่าสุดจากการกล่าวสุนทรพจน์ของนายจาโรม เพาเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ระบุชัดเจนว่า สหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งในอนาคตจนกว่าจะหยุดเงินเฟ้อได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม และจะกระทบภาระหนี้ทั้งหมดทั้งหนี้ภาครัฐและหนี้ของเอกชน ซึ่งจะปัญหาในอนาคตที่หนักหนาสาหัสอย่างมาก

2.ราคาไฟฟ้าที่จะต้องขึ้นราคาและแพงขึ้นอีก หลังจากขึ้นเป็นหน่วยละ 4.72 บาทในเดือนก.ย.นี้ เพราะกฟผ. ยังมีหนี้ค้างอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท จากการบริหารเชื้อเพลิงที่ผิดพลาด และการจ่ายค่าความพร้อมที่สูงเกิน ซึ่งจะกระทบความสามารถแข่งขันของไทยได้เพราะราคาไฟฟ้าของไทยจะสูงกว่าของเวียดนามมาก นอกจากนี้ราคาน้ำมันเริ่มกลับมาขึ้นอีกครั้ง รวมถึงราคาก๊าซหุงต้ม

3.อัตราเงินเฟ้อยังคงสูง ราคาสินค้าเรียงหน้ากันปรับขึ้นราคา แม้กระทั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และ ไข่ไก่ เป็นต้น ขณะที่รายได้ประชาชนไม่เพิ่ม ซึ่งจะส่งผลต่อ คนจะลำบากกันมาก ค่าแรงที่ขึ้นไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังต่ำกว่าที่พรรคพลังประชารัฐหาเสียงที่วันละ 400-425 บาทอย่างมาก

4.การขาดดุลการคลังและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพร้อมกัน หรือที่เรียกว่า Twin Deficit ทั้งนี้ เพราะการส่งออกเริ่มแผ่ว เดือนก.ค.การส่งออกของไทยขยายได้เพียง 4.3% ทำให้ไทยขาดดุลการค้า เดือนก.ค.2565 ถึงมูลค่า 3,660.5 ล้านดอลลาร์ และโดย 7 เดือนขาดดุลการค้ามีมูลค่าถึง 9,916.3 ล้านดอลลาร์ หากการท่องเที่ยวไม่เพิ่มเท่าที่ควร โอกาสไทยจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะมีสูง ซึ่งจะทำให้ Twin deficit ที่เป็นสัญญาณอันตรายทางเศรษฐกิจ

“ปัญหา 4 เรื่องนี้ เกินมือที่รัฐบาลจะแก้ไขได้ และจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างมาก จะบอก ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่ได้เล้ว 8 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์และเครือข่ายล้มเหลวอย่างมาก อย่าพยายามดื้อรั้นต่อไปอีกเลย ประชาชนจะยิ่งจะลำบาก ไม่ไหวอย่าฝืน พรรคเพื่อไทยพร้อมเข้ามาแก้ไข และคิดนโยบายรองรับไว้แล้ว ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น เลือกพรรคเพื่อไทยมากๆ ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงในไม่นานนี้” นายพิชัย กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ