พิจารณ์ ชี้กลาโหมซุกงบเพิ่มให้บุคลากร ถาม ทอ.ซื้อ F-35 งบน้อยจะเอามือสองเหรอ ห่วงค่าโง่หมื่นล้านเรือดำน้ำไร้เครื่องยนต์ วอนส.ส.หยุดประยุทธ์ ไม่รับร่างงบ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 มิ.ย.2565 ที่รัฐสภา นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ว่า ปีนี้งบกระกระทรวงกลาโหม 197,293 ล้านบาท ที่นายกฯพูดว่างบมีจำกัด พยายามลดงบซื้ออาวุธ ซื้อเท่าที่จำเป็น ตนให้ 3 คำ ไม่คุ้มค่า ไม่ตอบโจทย์ และไม่โปรงใส ที่บอกว่าไม่คุ้มค่า แม้งบกลาโหมจะลดลง 2.17%

แต่เมื่อไปดูในไส้ในงบรายจ่ายบุคลากรภาครัฐ เพิ่มขึ้น 2.3% มันดูสวนทางกัน ที่นายกฯบอกว่าลดงบกลาโหม แต่ลดงบบุคลากรไม่ลง เพราะกองทัพมีกำลังพลมากเกินไป มีนายพลมากเกิน

จากข้อมูลงบประมาณเล่มสีขาวคาดแดง ทำให้ทราบว่าเรามีงบบุคลากรที่ชื่อคล้ายกับที่อยู่ในรายจ่ายกับบุคลากรภาครัฐ ไปซ่อนในงบดำเนินงาน และงบรายจ่ายอื่น ทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าตอบแทนด้านสาธารณสุข ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับแพทย์ ค่าตอบแทนทหารเกณฑ์ ค่าตอบแทนทหารสามจังหวัดชายแดนใต้ ค่าตอบแทนอาสาสมัครทหารพราน และเบี้ยเลี้ยงทหาร รวมแล้วเป็นเงินกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท เฉพาะค่าเบี้ยเลี้ยงทหาร และค่าตอบแทนทหารพรานก็ปาไป 1.65 หมื่นล้านบาท และต้องตกใจว่าเฉพาะกองทัพบกจาก 62% ดีดขึ้นไปเป็น 77%

ตนขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ลดงบซื้ออาวุธลง แต่ไม่เข้าใจว่างบที่ใช้ทหารเกณฑ์นั้น มันจำเป็นทางการทหารแค่ไหนถึงลดงบไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นรมว.กลาโหม หรือเป็นสมุหกลาโหมในอยุธยากันแน่ นี่กำลังรวบรวมไพร่พลเอาไว้รบกับข้าศึกหรือ

นายพิจารณ์ กล่าวว่า เมื่อมาดูงบพัฒนาขีดความสามารถ กองทัพอากาศ ที่มีการซื้ออาวุธชิ้นใหญ่ เราต้องวางมัดจำก่อน คล้ายดาวน์และผ่อนไปเรื่อยๆ ซึ่งปีนี้กองทัพอากาศได้ซื้ออาวุธ 10,692 ล้านบาท แต่มีงบซื้ออาวุธเป็นงบผูกพัน 1,230 ล้านบาท มีการออกมติ ครม.ลับ เพื่อไปปรับแก้วินัยการเงินการคลังที่ระบุว่า การก่อหนี้ผูกพันต้องเริ่มจ่ายในปีแรก 20% แต่ครม.ไปอนุมัติเพียง 10% จากตามจริงจะเป็น 2,460 ล้านบาท ก็อาศัยมติครม.ให้เหลือ 1,230 ล้านบาท สรุปคือ กองทัพอากาศทำท่าจะดาวน์น้อยผ่อนหนัก ผ่อนนานๆ

ที่กองทัพอากาศจะจัดซื้อฝูงบินไล่ทดแทน F-16 เป็นไปตามแผนหนังสือปกขาว จะซื้อทั้งฝูง 12 ลำ แบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่หนึ่ง 6 ลำ เริ่มต้นปี 66-69 ระยะที่สอง 6 ลำ ตั้งข้อสงสัยว่าสรุปจะซื้อกี่ลำ ถ้ารอบนี้ตั้งงบมาแค่ 7 พันกว่าล้านบาท ตกลงซื้อกี่ลำกันแน่ เพราะ 6 ลำ เงินเท่านี้จ่ายไม่พอแน่ หรือจะไปซื้อมือสองก็เอาให้ชัด จะได้รู้ว่าเราจะไปซื้อมือสอง F-35 เขามาราคาเลยถูก เพราะเงินเท่านี้ซื้อไม่พอแน่ ถ้าจะซื้อครบต้องใช้เงินราวๆ 4-5 หมื่นล้านบาท ต้องมีแผนระยะยาว และเปรียบเทียบให้ดี ตนสรุปให้เลยว่า อย่าเพิ่งซื้อภายใต้รัฐบาลชุดนี้ เพราะซื้อแล้วมันจะผูกพันต่อไปยังรัฐบาลหน้า ตนปวดหัว เพราะถ้าปีหน้า พรรคก้าวไกลมาเป็นรัฐบาลจะมาปวดหัวกับการซื้ออาวุธที่ผิดพลาดของรัฐบาลชุดนี้

การซื้ออาวุธของกองทัพเรือ จากเดิมอยู่ที่งบ 6,312 ล้านบาท มาปีนี้ 6,160 ล้านบาท ถ้าดูในงบซ่อมอาวุธ ปี 64-65 ไม่มีงบนี้ แต่ปีนี้งบมาที่ 2,000 ล้านบาท ตนเป็นห่วงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เพราะตนเคยอภิปรายไว้เมื่อครั้งก่อนถึงงบซ่อมอาวุธของกองทัพบก ที่ระบุว่าจะใช้งบอย่างคุ้มค่า โดยไม่ซื้อแต่เปลี่ยนเป็นซ่อม มาเทียบซื้อรถบรรทุกใหม่ 2.1 ล้านบาท แต่ไปซ่อมคันละ 2 ล้านบาท ส่วนที่สำคัญคือ งบซื้ออาวุธชิ้นใหญ่ งบผูกพัน แม้ยอดจะลดลงจากเดิมปี 65 ที่ 3,954 ล้านบาท มาปีนี้ 2,039 ล้านบาท มองดูแล้วมันดีที่ซื้ออาวุธน้อยลง แต่จริง ๆแล้ว ปี66 ตามแผนยอดที่ต้องจ่ายคือ 9,000 ล้านบาท มีโครงการที่ค้างอยู่ 11

โครงการ 2 ใน 11 โครงการนั้นคือ เรือดำน้ำลำที่ 1 ลำที่ 2 และลำที่ 3 ซึ่งลำที่ 1 เราผ่อนกันมาสักพักแล้ว เหลือยอดที่ต้องจ่าย 3,000 ล้านบาท ส่วนลำที่ 2 และ3 มันผ่านสภาไปแล้วแต่ไม่เคยได้จ่ายเงิน ซึ่งเครื่องยนต์ MTU ที่ต้องใช้ในเรือดำน้ำรุ่นนี้ของจีนที่จะซื้อเครื่องยนต์จากเยอรมันนั้น เขาไม่ขายให้ กลายเป็นว่ามันจะผิดสัญญา เพราะสัญญาที่กองทัพเรือทำไว้กับจีน จะต้องใช้เครื่องยนต์นี้ ตนจึงเชื่อว่าเป็นที่มาของยอดปีนี้ที่ยอดลดลงเหลือ 2,039 ล้านบาท

นายพิจารณ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา สื่อไปถามนายกฯ เรื่องเรือดำน้ำว่าจะเอาอย่างไร ท่านตอบว่าถ้าไม่ได้ก็ยกเลิกสัญญา แล้วการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำรุ่นนี้จะทำอย่างไร เพราะสิ่งที่เตรียมไว้ต้องใช้กับเรือดำน้ำรุ่นนี้เท่านั้น ทั้งเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบก ท่าจอดเรือ โรงซ่อมบำรุง เรือลากจูงขนาดกลาง หรืออีกหลายอย่างที่จ่ายเงินไปแล้ว ซึ่งงบเหล่านี้เกือบหมื่นล้านบาท ถ้านายกฯไม่สามารถเจรจา ได้เรือดังกล่าวมาแบบนี้สิ่งที่เตรียมจะทำอย่างไร จะเป็นค่าโง่หรือไม่

นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ไม่ตอบโจทย์ นายกฯ บอกมีการตั้งสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศขึ้น ให้ความสำคัญเรื่องงานวิจัย แต่เรื่องนี้กลับล้มเหลว กระทรวงกลาโหมไม่ค่อยซื้อของไทย ทั้งยานเกราะ เสื้อเกราะกันกระสุน หน้ากากกันสารพิษ ไม่รู้ว่าของต่างประเทศเงินทอนมันเยอะกว่าหรืออย่างไร

ทั้งนี้ เรื่องความโปรงใส เงินนอกงบประมาณ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีเงินนอกงบประมาณสูงแต่ไม่เคยสมลงในงบประมาณเลยแม้แต่ปีเดียว โรงแรม สนามกอล์ฟ ปั๊มน้ำมัน สนามมวย และจะมีการทำสนามม้าใหม่ รายได้เหล่านี้ไปที่ไหน เรื่องนี้พูดมาตลอดแต่ไม่เคยได้รับการชี้แจงเลย