พล.ต.อ.สราวุฒิ ไม่ฟันธง! “บิ๊กโจ๊ก” จะหลุดตำแหน่งแคนดิเดต ผบ.ตร. หรือไม่?

Home » พล.ต.อ.สราวุฒิ ไม่ฟันธง! “บิ๊กโจ๊ก” จะหลุดตำแหน่งแคนดิเดต ผบ.ตร. หรือไม่?
ชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.

พล.ต.อ.สราวุฒิ ลั่นยังไม่ใจว่า “บิ๊กโจ๊ก” จะหลุดตำแหน่งแคนดิเดต ผบ.ตร. อันดับ 1 หรือไม่ เพราะสอบวินัยและอาญายังไม่แล้วเสร็จ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เรียกคณะกรรมการสอบสวนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวก รวม 5 คน ทำผิดวินัยร้ายแรงจนถูกออกจากราชการไว้ก่อน โดยการประชุมในวันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรกหลักจากที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งหนึ่งใน 14 คนนี้มีบุคคลที่ถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวหาว่าเป็นคู่ขัดแย้ง ในการสอบสวนจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมีแนวคิดว่าจะยื่นหนังสือมายัง พล.ต.อ.สราวุฒิเพื่อคัดค้านคณะกรรมการชุดนั้น

พล.ต.อ.สราวุฒิเปิดเผยว่า วันนี้ได้เชิญคณะกรรมการทุกคนมาเพื่อประชุมแนวทางการสอบสวน โดย 2 จาก 14 คนไม่สามารถมาประชุมได้เนื่องจากติดราชการ โดยกรอบระยะเวลาของกฎระเบียบที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กำหนดไว้ มีกรอบระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ คือวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ดังนั้นทั้ง 5 ท่านจะต้องเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 7 พฤษภาคม ซึ่งก่อนวันที่ 7 จะต้องมีการส่งหนังสือแจ้งทางไปรษณีย์ให้กับทาง 5 ท่านทราบ แต่หากบุคคลที่ถูกเรียกติดธุระไม่สามารถเดินทางมาได้ก็ส่งหนังสือมาเพื่อขอเลื่อนได้

S 5062706

โดยหลังจากนั้นคณะกรรมการจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนพยาน ซึ่งมีกรอบระยะเวลาทั้งหมดต้องไม่เกิน 270 วัน ซึ่งการวางกรอบการทำงานของคณะทำงานจะต้องยึดหลักในเรื่องของระเบียบและข้อกฎหมาย และจะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 รายอย่าง 100%

ส่วนการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะยื่นคัดค้าน 1 ในคณะกรรมการที่เป็นคู่ขัดแย้งนั้น สามารถทำได้ แต่ รรท.ผบ.ตร.จะเป็นผู้พิจารณาว่าบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงมีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่ แต่ยอมรับว่าการทำงานของคณะนี้อาจจะแล้วเสร็จไม่ทันตนเกษียณอายุราชการ แต่ก็สามารถส่งต่อข้อมูลให้กับผู้ที่จะเข้ามารับผิดชอบแทนได้ ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่การโยนเผือกร้อน

ส่วนการที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐเลือกตนเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ก็รู้สึกตกใจว่าทำไมมอบให้ตนเป็นหัวหน้า เพราะตนใกล้จะเกษียณแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะตนเป็นกลาง และก็น่าจะเพราะมีความจำเป็นจริงๆ แต่ไม่ได้มีการพูดคุย หรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ และตนขอยืนยันว่าไม่มีใครมาชี้นำตนได้ รวมถึงยังไม่มีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นการส่วนตัว แต่ตนพร้อมหากจะมีใครมาพูดคุยเพราะถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

S 5062720

พล.ต.อ.สราวุฒิยังกล่าวอีกว่า ส่วนการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังมีคุณสมบัติเป็นแคนดิเดตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอันดับ 1 อยู่หรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากการตรวจสอบทางวินัยและอาญายังไม่แล้วเสร็จ รวมถึงขณะนี้ยังไม่ถือว่าออกจากราชการแล้ว 100% เนื่องจากขั้นตอนยังไม่ครบถ้วน

ส่วนในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) ที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาการแต่งตั้งนายพล จะไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ