พลอยชมพู จ่อฟ้องค่ายเพลงมาเลเซียเพิ่ม อ้างละเมิดลิขสิทธิ์ บล็อกสตรีมมิ่งเพลง
พลอยชมพู / หลังจากยื่นฟ้องค่ายเพลง อดีตต้นสังกัดที่ประเทศมาเลเซีย ในข้อหาผิดสัญญา เรียกค่าเสียหาย 8 หลัก นักร้องสาว พลอยชมพู ญานนีน ไวเกล ที่ตอนนี้ลงทุนทำเพลงเอง ปล่อยซิงเกิลแรกในฐานะศิลปินอิสระไปเมื่อช่วงต้นปี แต่กลับโดนอดีตต้นสังกัดคู่กรณีบล็อกช่องทางสตรีมมิ่ง ทำให้เสียโอกาสในการเผยแพร่ผลงานมากขึ้น
ล่าสุด พลอยชมพู ที่มาร่วมงานเปิดตัว “แว่นท็อปเจริญแฟล็กชิปสโตร์” ที่ สยามสแควร์ ซอย 7 ได้ให้สัมภาษณ์อัพเดตความคืบหน้าคดี มอบอำนาจทนายขึ้นศาลมาเลเซียเป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายนนี้ และเตรียมยื่นฟ้องอีกคดีถูกละเมิดลิขสิทธิ์ หลังโดนปิดกั้นช่องทางการเผยแพร่ผลงานเพลงในแพล็ตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ
โดย พลอยชมพู เผยว่า “ตอนนี้เราแฮปปี้กับการทำงานเป็นศิลปินอิสระ ปล่อยเพลงเอง ทำเพลงเอง มันจะเหนื่อยนิดนึงเพราะว่าเราลงทุนเองสปอนเซอร์อะไรด้วยตัวเอง มันก็มีความสุขเพราะว่างานทุกอย่างออกมาตามที่เราต้องการจริงๆ กระแสตอบรับซิงเกิลแรกมันเกินคาดค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันเลยในการปล่อยเพลง
เนื่องจากว่าเราหายจากวงการมาเกือบ 2 ปี แล้วมีอุปสรรคค่อนข้างเยอะในการปล่อยเพลง ทั้งเรื่องของการที่เพลงเราถูกคู่กรณีที่เรามีปัญหาอยู่ปิดสตรีมมิ่งต่างๆ มันทำให้ลดโอกาสในการเข้าถึงคนมากขึ้นด้วย แต่ว่าสำหรับกระแสเพลงพอเราได้ปล่อยจริงๆ มันก็ชื่นใจ หายเหนื่อยค่ะ”
เตรียมปล่อยซิงเกิลต่อไปเลยไหม? “ตอนนี้กำลังเตรียมปล่อยเพลงใหม่ค่ะ น่าจะปล่อยประมาณเดือนหน้า ตอนนี้เหลือแค่ถ่ายเอ็มวี เป็นเพลงที่ฟีเจอริ่งกับ LazyLoxy เป็นเพลงช้า ตื่นเต้นอยากรีบปล่อยแล้วค่ะ”
จากที่คู่กรณีบล็อกช่องทางสตรีมมิ่งปล่อยเพลงของเรา ส่งผลกระทบยังไงบ้าง? “เรื่องของการที่เพลงถูกปิดในสตรีมมิ่งจะมีผลกระทบด้านเพลงมาก เนื่องจากเพลงมันไม่ได้รับการเผยแพร่ อย่างศิลปินคนอื่นๆ เขามีโอกาสเต็มที่ แต่ของเราได้แค่เฉพาะยูทูบอย่างเดียว ซึ่งบางทีด้วยอัลกอริธึ่มของมันอาจจะไม่ได้เข้าถึงคนมากขนาดนั้น ถ้าเทียบกับคนที่เพลงไปอยู่ในสตรีมมิ่งต่างๆ อย่าง Spotify Apple Music JOOX
แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกท้อเพราะว่าอย่างน้อยเรายังได้ปล่อยเพลงในแพลตฟอร์มหนึ่ง ซึ่งมันทำให้เรามีความสุขมากกว่าแต่ก่อน ตอนนี้ได้แค่เฉพาะในยูทูบอย่างเดียวเพราะยูทูบระบบมันต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ
ตรงที่ว่ายูทูบเขาต้องการหลักฐานว่าคนที่เคลมเขาเป็นเจ้าของเพลงจริงๆ ถ้าไม่สามารถปรู๊ฟได้เขาก็ปล่อยให้เพลงมันอยู่ในแพลตฟอร์มของเขา แต่ว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ เขาอยากได้ใบศาลก่อนว่าคดีมันจบไปแล้ว เพราะเขาก็กลัวปัญหาด้วย”
เป็นเพลงของเราเอง คู่กรณีไม่มีสิทธิ์เคลมเป็นผลงานของเขา? “ไม่มีสิทธิ์ค่ะ อาจจะด้วยเขามีคอนเน็กชั่น มีเครื่องมือใหญ่เขาเลยมีอำนาจตรงนี้ แต่หนูไม่ได้กลัวอะไร อะไรที่มันไม่ถูกต้องเราก็เก็บเป็นหลักฐานเพื่อจะฟ้องต่อไป เพราะว่าเราไม่ได้จะฟ้องแค่คดีในจุดนี้จุดเดียว เราจะฟ้องในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย ซึ่งมันเป็นดคีที่แยกกันออกมาอีกที ถ้าคดีที่ฟ้องตอนนี้เรื่องสัญญาจบแล้วก็จะฟ้องต่อค่ะ”
“ความคืบหน้าตอนนี้ เดือนนี้(มิถุนายน) จะเริ่มขึ้นศาลครั้งแรกค่ะ ก่อนหน้านี้มันควรจะขึ้นศาลมาตั้งนานแล้ว แต่มันมีเรื่องของการเพิ่มสำนวนต่างๆ มันก็มีการตอบโต้เพิ่มเติม ทำให้มันค่อนข้างล่าช้านิดนึง แต่ว่าหนูก็ไม่ได้กังวลอะไรเพราะว่าหลักฐานเราค่อนข้างเยอะ
เราค่อนข้างมั่นใจค่ะ คดีที่ฟ้องตอนนี้จะเกี่ยวกับสัญญาหมดหรือไม่หมด ซึ่งต้องให้ศาลตัดสินตามสัญญาจริงๆ ให้เขาดู แต่เนื่องจากมันมีอะไรเพิ่มเติมเข้ามาทำให้ต้องเพิ่มเข้าไปในสำนวนของเรามันเลยใช้เวลานิดนึงมันมีรายละเอียดด้วยค่ะ”
จะฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยใช่ไหม? “ใช่ค่ะ เรื่องของการเปิดเพลงจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราจะฟ้องเพิ่มเติมหลังจากที่คดีนี้มันจบไปแล้ว เพราะมันจะยิ่งชัดเจนว่าผิดหรือไม่ผิด”
คาดว่าคดีนี้จะจบเมื่อไหร่? “ยังไม่สามารถบอกแน่ชัดได้ ก็รอดูเดือนนี้ก่อนว่าขึ้นศาลครั้งแรกแล้วมันจะเป็นยังไง ถ้าทางศาลเห็นว่าคดีมันง่ายเร็วก็อาจจะจบภายในเดือนนี้ ก็ต้องรอดูค่ะ”
มีความกังวลหรือเครียดไหมที่ต้องขึ้นศาลครั้งแรกแล้ว? “ไม่กังวลเลย เพราะว่าเราได้ปรึกษากับทนายหลายๆ เจ้าด้วย รวมถึงเจ้าที่เราใช้อยู่ตอนนี้ประมาณรวมกัน 5 เจ้า เราค่อนข้างมั่นใจว่ามันไม่มีอะไรต้องกังวล เราเองยังทำงานต่อไปได้เรื่อยๆ ในเรื่องการปล่อยเพลงแค่มีอุปสรรคในส่วนการสตรีมมิ่งต่างๆ อย่างออกรายการเราก็ยังทำได้ปกติ เขาไม่สามารถจะมาขัดขวางในจุดนั้นได้”
ณ ตอนนี้มีการไกล่เกลี่ยกันไหม? “มันเลยจุดไกล่เกลี่ยนานแล้วเพราะว่าก่อนที่หนูตัดสินใจฟ้อง ไกล่เกลี่ยกันประมาณครึ่งปีได้ ไม่เป็นผลสำเร็จ ซึ่งพอหนูปล่อยเพลงหลังจากที่สัญญาหมดไปแล้ว แล้วเขามาบล็อกหนูไม่ให้ลงในสตรีมมิ่งต่างๆ มันก็เลยเป็นจุดตัดสินใจที่จะต้องฟ้องแล้วเพราะไม่งั้นหนูไม่สามารถจะทำงานอย่างราบรื่นได้
อย่างนัดขึ้นศาลครั้งแรกในเดือนนี้ ตัวหนูไม่ได้ไปขึ้นศาลที่นู่น(มาเลเซีย) แต่จะเป็นทนายเป็นตัวแทน เรามอบอำนาจให้เขาขึ้นศาลแทนเราเพราะเป็นคดีที่มาเลเซียแล้วมันไม่ใช่คดีอาญา เราไม่จำเป็นต้องไปด้วยตัวเอง”
“เรื่องของกฎหมายตามสัญญามันจะเป็นตามกฎหมายของมาเลเซีย หนูเลยต้องใช้ทนายที่มาเลเซียด้วย ก่อนหน้านี้ก็มีการปรึกษาทนายที่ไทยด้วย ค่อนข้างจะหลายเจ้าหลายชาติอยู่ค่ะ กว่าจะตัดสินใจฟ้อง”
ยืนยันฟ้องค่าเสียหาย 10 ล้านเหมือนเดิม? “ประมาณนั้นค่ะ จริงๆ หนูไม่ค่อยกล้าที่จะพูดจำนวนเงินจริงๆ เพราะว่ามันไม่ใช่เมนหลักของเหตุผลในการฟ้อง เราต้องการจะทวงสิทธิ์ของเราคืนในการปล่อยเพลงในฐานะศิลปิน และเราก็อยากจะมีโอกาสเหมือนกับศิลปินคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการปิดกั้นอย่างที่เราเป็นตอนนี้ค่ะ”