พรีวิว "Play For Dream MR" Spatial Computer เครื่องแรกที่เป็นมิตร ก่อนขายไทยปี 2025

Home » พรีวิว "Play For Dream MR" Spatial Computer เครื่องแรกที่เป็นมิตร ก่อนขายไทยปี 2025
พรีวิว "Play For Dream MR" Spatial Computer เครื่องแรกที่เป็นมิตร ก่อนขายไทยปี 2025

ทีม Sanook Hitech ได้รับเชิญจาก Play For Dream ผู้ผลิตอุปกรณ์ในกลุ่มของแว่นทั้ง AR และ VR มายาวนาน รอบนี้มีการเปิดตัวในระดับเอเชีย แปซิฟิกที่ประเทศสิงคโปร โยดเปิดตัวอุปกรณ์เพื่อการสวมใส่แบบ MR (Mixed Reality) เขาให้คำกัดความว่า นี่คือ Spatial Computer กับ Play For Dream MR กันครับ

แรกเห็นดีไซน์

batch_img_20240625_184211

เรื่องแรกที่เราจะพูดถึงกันคือดีไซน์ของ Play For Dream MR รวมตัวที่เห็นมีความคล้ายกับ PICO แต่ว่าด้านหน้าจะเหมือนกับ Apple Vision Pro เลยทำให้รวมข้อดีคือน้ำหนักของมันค่อนข้างที่จะเบากว่า Apple Vision Pro เมื่อสวมใส่พบว่า จากที่เขาพูดเรื่องการคำนึงเกี่ยวกับการสวมใส่ มันคือเรื่องจริง เพราะใส่ไปค่อนข้างที่จะสบายและเบาแถมปรับได้ง่าย

batch_img_20240625_185627

ช่องเสียบต่างๆ มีเพียง USB-C เพื่อชาร์จไฟอยู่ทางขวามือ ส่วนลำโพงนั้นให้แบบจุใจเพราะเป็นระบบเสียง DTS ทำให้เสียงออกมามีความคมชัดและเสียงไม่รบกวนคนอื่น แต่อยู่ที่แกนนะ

batch_img_20240625_185506

กรอบข้างในเป็นผ้าที่มีขนาดกำลังเหมาะและใส่แล้วไม่กดหน้าจนเกินไป นอกจากนี้ด้านหลังจะสามารถหมุนปรับระดับความแน่นได้

batch_img_20240625_185154
batch_img_20240625_185919

มาถึง Controller กัน ไม่มีห่วงเหมือนกับอุปกรณ์ Mixed Reality ตัวอื่นทำให้การดำมีความแม่นยำสูงและยังสามารถตอบสนองได้รวดเร็วทันทีเมื่อคุณต้องการ

การสวมใส่ Play For Dream MR

batch_img_20240625_185811

เมื่อได้ทดลองใส่แล้วต้องบอกว่าน้ำหนักที่ 288 กรัมทำให้มันเบากว่าคู่แข่งอย่าง Apple Vision Pro ที่หนักกว่า 478 กรัม ไม่แปลกที่ผมจะบอกว่ามันสบายจริงครับ

เทคโนโลยีใหม่ของ Play For Dream MR

ด้วยความที่ข้อมูลที่เราได้รับมายาวมากทำให้ตอนนี้ขอสรุปเป็นข้อๆ เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจว่าเทคโนโลยีของ Play For Dream MR นั้นเป็นอย่างไร

batch_img_20240625_142755

  1. จอแสดงผลและภาพเสมือนจริง:
  • จอ 8K Micro-OLED ให้ภาพคมชัดที่มีความละเอียดสูงสุดที่ 27 ล้านพิกเซล และ 3882 PPI ทำให้ภาพสีสวยงามและละเอียดมาก
  • นอกจากนี้ยังมีเลยส์แบบ Pancake ให้มุมกวาง 103 องศา พร้อมกับสามารถปรับในเรื่องของ IPD และความกว้างของตาแบบอัตโนมัติ และยังมีออฟฟชั่นเลนส์ของคนสายตายาหรือสั่นให้ใส่ได้ หรือจะใช้ Contact Lens ก็สามารถทำได้
  • ความละเอียด 45 PPD ที่ศูนย์กลางภาพ มอบประสบการณ์เสมือนจริงที่มีความคมชัดสูง
  • ประสิทธิภาพการประมวลผล:
    • ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon XR2+ Gen 2 สำหรับการประมวลผลที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ.
    • RAM 16GB และพื้นที่จัดเก็บสูงสุด 1TB ทำให้สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันและเกมที่มีความต้องการสูงได้อย่างลื่นไหล.
  • กล้องและเซ็นเซอร์:
    • ขับเคลื่อนด้วยกล้อง 11 ตัว และเซ็นเซอร์ 7 ประเภท, รวมถึง IR LEDs 22 ตัว เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมได้อย่างแม่นยำ
    • กล้องคู่ 32MP ที่สามารถถ่ายภาพและวิดีโอในแบบ 3D ที่มีคุณภาพสูง
  • เสียงและการบันทึก:
    • รองรับระบบเสียง DTS:X Ultra และการตั้งค่าพื้นที่เสียงที่ปรับแต่งได้
    • สามารถจำลองประสบการณ์เสียงรอบทิศทาง 7.1 ช่อง เพื่อล้อมรอบผู้ใช้กับเสียงที่มีความสมจริง
  • ประสบการณ์การเล่นเกมที่มากขึ้น:
    • รองรับการติดตามตาและมือที่แม่นยำ รวมถึงการควบคุมแบบ 6DoF ที่ไม่มีรัศมี
    • ลดความหน่วงในการแสดงผล (VST latency) ต่ำสุดที่ 14ms ทำให้การแสดงผลข้อมูลที่เรียลไทม์มากขึ้นและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว
  • การใช้งานสำนักงานและการทำงานหลายหน้าจอ:
    • รองรับการทำงานหลายหน้าจอในพื้นที่เดียวกัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบ multitasking.
    • สามารถ multiscreen streaming แปลงพื้นที่ทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • AI Integration และการบันทึกความทรงจำ:
    • สนับสนุนโดย AI assistant Xiao Hu เพิ่มความสามารถในการค้นหา เขียนเพลง แปลภาษา และการควบคุมด้วยเสียง.
    • สามารถจับภาพ 3D panoramas และใช้ AI ในการจับภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพสูง
  • การออกแบบที่สะดวกสบายและทันสมัย:
    • ออกแบบให้บางเพียง 33mm และเบาสบายด้วยการจัดน้ำหนักที่สมดุล 3:2
    • แบตเตอรี่ภายในที่ทนทานพร้อมกับตัวเลือกในการต่อเชื่อมกับแบตเตอรี่ภายนอก

    batch_img_20240625_142943
    batch_img_20240625_143339
    batch_img_20240625_143653

    ไม่ได้เพียงมีเพียงแค่นี้เพราะว่ายังมีเรื่องของระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Dream OS ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับยุคแห่งการประมวลผลแบบพื้นที่ (spatial computing) โดยแบ่งออกเป็นเรื่องราวต่างๆ เช่น

    1. การผสานกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์:
    • Dream OS ผสานการทำงานของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างไร้ที่ติ เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมพื้นฐานที่เชื่อมโยงการประมวลผลแบบพื้นที่กับปัญญาประดิษฐ์ (AI).
  • การติดตามและการรับรู้สภาพแวดล้อม:
    • มีระบบ Advanced head tracking (6DoF), hand tracking (26DoF), controller tracking (6DoF) และ eye tracking technologies เพื่อสร้างการโต้ตอบพื้นที่ที่รู้สึกเป็นธรรมชาติ.
    • Visual Simultaneous Localization and Mapping (VSLAM), spatial anchors, 3D reconstruction, และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อการรับรู้และการแมปสภาพแวดล้อม.
  • อินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและหลากหลาย:
    • รองรับวิธีควบคุมที่หลากหลาย รวมถึงการติดตามดวงตา การติดตามมือ การติดตามอุปกรณ์ควบคุม และการติดตามเสียง.
  • ความเข้ากันได้กับแอปพลิเคชันและตัวพัฒนาที่หลากหลาย:
    • โดยเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ใช้ Android สำหรับการทำงานในสภาพการประมวลผลแบบพื้นที่ ทำให้มีความเข้ากันได้สูงและรองรับเนื้อหาจากผู้พัฒนากว่าร้อยรายทั่วโลก.
    • มีการเปิดตัวแอปพลิเคชันมากกว่า 300 รายการใน store ของ Play For Dream และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
  • การรองรับ multi-screen และ productivity:
    • รองรับการทำงานหลายหน้าจอที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและสามารถใช้ app หลาย ๆ ตัวพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
    • สามารถใช้งาน multi-screen streaming และโต้ตอบกับแอปพลิเคชันที่คุณชื่นชอบได้อย่างลงตัว.
  • การสร้างประสบการณ์ใหม่ในด้าน AI+MR:
    • มีผู้ช่วย AI ‘Xiao Hu’ ที่สามารถจัดการงานต่าง ๆ เช่น การค้นหา การเขียนเพลง การแปลภาษา และการควบคุมด้วยเสียง ช่วยเพิ่มความฉลาดและความสะดวกสบายในการใช้งาน.
    • มีฟีเจอร์ AI ที่รวมถึงการแปลงภาพ 2D ให้เป็นโมเดล 3D และความสามารถในการรู้จำวัตถุขั้นสูง.

    ความรู้สึกแรกหลังเล่น Play For Dream MR

     batch_img_20240625_190405

    สิ่งที่ชอบ

    ความชอบของอุปกรณ์ตัวนี้ใช้คำว่า การแสดงผลนั้นสามารถเลือกได้ว่าเราจะอยู่ในฉากเสมือนหรือโลกความจริงได้ การแสดงผลเลือกง่ายว่าจะเอาเต็มจอหรือไม่ การมองมองเข้าไปกับการทำงานของ CPU รวดเร็วทันใจมากๆ ไม่ทำให้เป็นอาการปวดตาหรือเวียนหัวเวลาเล่นเกมแบบ MR หรือ ปรับโหมดเป็น VR และต่อได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายแต่เด็ดสุดคือแยกหน้าจอ Windows ได้ทั้งหมด 5 หน้าจอ คนทำงานจะรักสิ่งนี้

     batch_img_20240625_190424

    สิ่งที่ยังไม่สามารถเล่นได้

    สำหรับสิ่งที่ยังเล่นไม่ได้คือระบบการสัมผัสด้วยนิ้วเพราะคาดว่ายังไม่ได้เป็น Software ตัวจริงที่อาจจะยังไม่สามารถทำงานได้ในเวลานี้ คงต้องรอดูกันระยะยาว

     batch_img_20240625_190431

    ข้อสังเกต

    สิ่งที่ต้องบอกสุดท้ายก่อนสรุปคือ ข้อสังเกต มันมีเรื่องนึงที่อาจจะต้องรู้นั่นคือ ภาพที่แสดงผล Mixed Reality จะใช้พื้นที่เยอะ เพื่อความสมจริงการพัฒนาใช้คำว่า การจับมือกับ Unity ทำให้ลัดขั้นตอนได้เยอะ แต่ว่าต้องบอกก่อนว่า มันพัฒนาหลาย Layer หน่อยก็น่าจะดี

    และ MR ไม่เหมาะกับการใช้ในห้องมืด เพราะตัวภาพมองปกติยังมีการแตกอยู่บ้าง การใช้ในที่แสงน้อยผมเลยไม่แนะนำเพราะภาพที่ได้อาจจะคุณภาพแย่นะ

    หมายเหตุไว้ก่อนครับ มันยังเป็นต้นแบบสำหรับ Software ซึ่งจะพร้อมจริงๆ คือตุลาคม 2024 นี้ที่จะขายกลุ่มประเทศแรกคือสิงคโปรและมาเลย์เซีย ส่วนประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยเจอกันภายในปี 2025

     batch_img_20240625_185053

    Play For Dream MR เหมาะกับใคร

    ปิดท้ายแน่นอนว่าเราจะมาบอกว่ามันเหมาะกับใครสำหรับ Play For Dream MR ตัวนี้ ขอแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มด้วยกันคือ

    1. ผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและเกม:
    • เหมาะสำหรับคนที่รักการเล่นเกมและต้องการประสบการณ์เกมที่สมจริง ทั้ง MR, VR และ 2D games ด้วยการติดตามตาและมือที่แม่นยำ และการตอบสนองที่ลื่นไหล.
  • ผู้ที่หลงใหลในภาพยนตร์และสื่อบันเทิง:
    • เหมาะสำหรับคนที่ชอบชมภาพยนตร์และต้องการประสบการณ์เสียงและภาพระดับ IMAX ได้ทุกที่ทุกเวลา มีฟีเจอร์ DTS:X Ultra ที่ให้เสียงสมจริงและการดูหนังขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 1000 นิ้ว.
  • นักถ่ายภาพและวิดีโอ:
    • เหมาะสำหรับคนที่รักในการถ่ายภาพและวิดีโอแบบ 3D ด้วยกล้องคู่ 32MP ที่มีมุมมองกว้างและความละเอียดสูง พร้อมเทคโนโลยีการสเถียรภาพ EIS 3D เพื่อการบันทึกที่คมชัด.
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน:
    • เหมาะสำหรับคนที่ทำงานและต้องการใช้ multi-screen เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้งานแอปพลิเคชันแบบ multi-tasking ได้อย่างลงตัว.
  • ผู้ใช้ที่ชอบการประมวลผลแบบพื้นที่และ AI:
    • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้งาน AI ในชีวิตประจำวัน เช่น การค้นหา การแปลภาษา การควบคุมด้วยเสียง เป็นต้น รวมถึงการใช้งาน AR และ VR เพื่อการประสบการณ์ที่หลากหลาย.
  • วัยรุ่นและผู้ใช้ดิจิทัลรุ่นใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก:
    • เหมาะสำหรับกลุ่มประชากรดิจิทัลรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในเทคโนโลยีและมีการตอบรับต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้รวดเร็ว โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและดิจิทัลเนทีฟมากที่สุด.

    สุดท้ายเราต้องมาลุ้นกับราคาแต่คาดว่าไม่เกิน 2,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 60,000 – 70,000 บาท อย่างแน่นอน ทั้งนี้ประเทศไทยคาดว่าจะวางจำหน่ายในภายในปี 2025 ถ้าเราได้มาทดลองจริงๆ จะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง

    แท็กที่เกี่ยวข้อง

    เรื่องอื่นที่น่าสนใจ