‘พรรคประชาชาติ’ หนุนศักดิ์ศรีสตรี มีคุณค่า คุณภาพ-โอกาส ยกระดับความเท่าเทียมในสังคม มีสวัสดิการ การศึกษา อาชีพ รายได้ ชูนโยบายหลัก 4 ชุด
เมื่อวันที่ 8 มี.ค.66 ที่สำนักงานพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์พิเศษต่อสื่อมมวลชน ในประเด็นนโยบายสิทธิและสวัสดิการเด็กและสตรี เนื่องในวันสตรีสากล ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองในวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปีทั่วโลก และเป็นหัวใจสำคัญแห่งการยกระดับความเท่าเทียมกันในสังคม
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า กลุ่มสตรีจากทั่วโลกไม่ว่าจะแตกต่างกันโดยเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม เศรษฐกิจหรือการเมืองก็ตาม รวมตัวกันเพื่อฉลองวันสำคัญนี้ เพื่อรำลึกถึงความเป็นมาแห่งการต่อสู้อันยาวนาน เพื่อให้ได้มาซึ่งความเสมอภาคความยุติธรรม สันติภาพและการพัฒนา ซึ่งพรรคประชาชาติเล็งเห็นความสำคัญของความเป็นมนุษย์ที่มีบทบาทและความสำคัญ เพื่อสร้างความเท่าเทียมเรื่องสวัสดิการต่างๆ การศึกษา อาชีพ รายได้
พรรคประชาชาติมีชุดนโยบายหลักๆ อยู่ 4 ชุด 1.การกระจายอำนาจในท้องถิ่นให้ประชาชนมีส่วนร่วม เลิกรัฐบริหารแบบรวมศูนย์ให้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง 2.นำประเทศสู่รัฐสวัสดิการ 3.ปฏิรูปประเทศ และ 4.ปัญหาเร่งด่วนที่ไทยกำลังเผชิญอยู่
การสร้างรัฐสวัสดิการคือเราต้องเปลี่ยนความคิด ประเทศไทยต้องใช้ประโยชน์จากมนุษย์สำคัญกว่าประเทศในยุโรป คือต้องสร้างมนุษย์ในวัยเด็ก ไม่ฉะนั้นเราจะเห็นผู้นำที่เป็นผู้ใหญ่แต่ความคิดยังเป็นเด็ก วิธีการของพรรคประชาชาติคือการนำทุกช่วงอายุมาสู่สวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่เกิดจนถึงหลุดฝังศพหรือกุโบร์จะต้องมีรัฐสวัสดิการ ใน
กรณีเด็กถ้วนหน้าเราต้องทำ 15 ปี เราต้องคิดว่าถ้าเราลงทุนกับมนุษย์ถึง 15 ปี แล้วมนุษย์ต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ต้องรับผิดชอบสังคมนี่คือสิ่งที่มีค่าที่สุด การทำสวัสดิการถ้วนหน้าไม่ใช่ต้นเหตุที่สำคัญที่สุดของเด็ก เด็กคือผู้ไม่รู้หนังสือ คือผู้ไม่รู้อะไร ดังนั้นเราต้องสร้างเด็ก
นอกจากเงินถ้วนหน้าแล้ว เรายังมองไปที่งบ 15 ปี 3 แสนล้าน ว่างบประชาชาติของประเทศ 3.3 ล้านล้าน เอามาแค่เศษ แค่ 3 แสนล้านเพื่อสร้างมนุษย์ให้มีคุณค่า โดยเฉพาะจะทำให้เด็กเป็นผู้ใหญ่หลัง 15 ปี ส่วนเงินถ้วนหน้านั้นอาจจะแยก เป็น 2 ช่วง
1.ทารกตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึงอายุ 6 ปี คิดว่าต้องได้ 4,500 บาท เพราะเราต้องคิดถึงแม่ที่เลี้ยงลูกตลอดเวลา ไม่มีใครที่จะรักลูกเท่ากับพ่อแม่ จากข้อมูลการสำรวจพบสถานเลี้ยงเด็กจำนวนมากยังไม่มีคุณภาพ หากเอาคนต่างชาติมาเลี้ยงเด็กก็ยังดี นอกจากเด็กมีสวัสดิการแล้วแม่ต้องมีเงินเดือนด้วย
2.อายุ 7 ถึง 15 ปี อาจจะเหลือ 3,000 บาท ใช้งบประมาณ 3-5 แสนล้านบาท อาจต้องส่งเสริมศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่มีอยู่ เพราะแม่ต้องทำงานเต็มเวลา
“มีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้คือจะทำอย่างไรที่จะยกเลิกรัฐรวมศูนย์ ยกเลิกการบริหารราชการส่วนภูมิภาคเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของเด็ก คือให้เด็กได้อยู่กับครอบครัว นี่คือวาระสำคัญที่เราต้องแก้ไข ไม่มีใครรักเด็กเท่ากับครอบครัว ถ้าคนยากจนได้รับ 4,500 เขาก็อยู่ได้” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่พหุวัฒนธรรมเช่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความได้เปรียบ เช่น เด็กอายุ 6 ขวบ มีต้นทุนเดิมอยู่คือ เมื่ออายุ 6 ขวบจะไปเรียนตาดีกาที่มีอยู่ 2,000 กว่าแห่ง เป็นศูนย์กล่อมเกลาจิตวิญญาณ และอบรมเด็กเล็ก เราต้องสนับสนุน ต้องเปลี่ยนบริบท ไม่มองเขาเป็นภัยต่อความมั่นคงเหมือนที่รัฐมอง แต่ต้องมองเขาคือโอกาสและสิ่งท้าทาย
ที่สำคัญคือการสร้างคนโดยเฉพาะลงทุนให้กับมนุษย์ในช่วงอายุเด็กเล็กจะสร้างผลตอบแทนให้ประเทศชาติมากกว่าเจ็ดเท่า ดีกว่าลงทุนด้านวัตถุอื่นๆ
3.เรียนฟรี ถึงปริญญาตรี มีเงินเดือน
4.ค่าครองชีพสูงรายจ่ายเพื่อความอยู่รอดเป็นชีวิต พรรคกำหนดรายได้ขั้นต่ำไม่ควรต่ำกว่า 700 บาท/วัน ต้องมีทั้งมาตราการค่าแรงขั้นต่ำ สร้างงานสร้างอาชีพและลดค่าครองชีพให้ประชาชน
5.เบี้ยคนชรา 3,000 บาท/เดือน
6.สิทธิการลาคลอดบุตร ทั้งพ่อ และ แม่ คนละ 180 วัน โดยได้รับเงินเดือนปกติ