พรรคพลังประชารัฐ ประกาศนโยบาย ไฟฟ้าประชาชน ยันลดฮวบ ไฟบ้าน เหลือ 2.50 บาท อุตสาหกรรม เหลือ 2.70 บาท ลั่นไม่เอื้อประโยชน์ใคร

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 18 เม.ย.2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ รวมถึงการลดราคาน้ำมันและค่าแก๊ส และการลดค่าไฟฟ้า เป็นเวลา 1 ปี

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมาจาก 4 แห่งใหญ่ คือ ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็กซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จากนั้นจ่ายผ่านการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไปยังธุรกิจอุตสาหกรรม และประชาชน ซึ่งคนไทยทั้งประเทศใช้ไฟฟ้าประมาณ 200,000 ล้านหน่วยต่อปี โดยกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้ไฟมากกว่า 60%

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า โครงสร้างราคาไฟฟ้า คือ ค่าไฟฟ้าฐาน และค่า Ft มาบวกกัน ถึงออกมาเป็นค่าไฟฟ้าต่อหน่วย ปัจจุบันอัตราค่าไฟของประเทศในอาเซียน ประเทศไทยถือว่าแพง พรรคจึงต้องแก้ปัญหานี้ให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยรื้อและปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ภายใต้กรอบวินัยการเงิน และการคลัง โดยราคาค่าไฟฟ้าหน้าโรงงาน ตามสัญญาฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.66 การส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งจะนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ราคาจะถูกลงกว่าเดิม เกินกว่า 50% และการงดเก็บค่า Ft ในอัตรา 0.9827 บาทต่อหน่วย

โดยในระหว่างการปรับโครงสร้างพลังงานไฟฟ้าจะใช้วิธีพักชำระหนี้ กฟผ. ประมาณ 150,000 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี จะทำให้ราคาไฟฟ้าละลง 0.9827 บาทต่อหน่วย และทำให้ราคาไฟฟ้าใหม่ จากเดิม 4.77 บาทต่อหน่วย ถ้าทำตามนโยบายของพรรค ค่าผลิตไฟฟ้าลดลด 1.27 และค่า Ft ลดลง 0.9827 บาทต่อหน่วย ราคาใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 2.5173 บาทต่อหน่วย เป็นราคาที่เหมาะสมและทำได้ทันที

จากราคาไฟฟ้าปัจจุบันอยู่ที่ 4.77 บาท แต่พรรคจะลดราคาไฟฟ้า ประเภทที่อยู่อาศัยลง 2.27 บาท ประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าในราคา 2.50 บาทต่อหน่วย ภาคธุรกิจค่าไฟฟ้าจะลดลง 2.07 บาท คงเหลือเพียงแค่ 2.70 บาทต่อหน่วย ถ้าเราลดราคาไฟฟ้ามาได้เช่นนี้ คนไทยจะใช้ราคาถูกเป็นอันดับ 6 ของอาเซียนทันที

นอกจากนี้เราจะตั้งกรรมการจากทุกภาคส่วนมาตรวจสอบ และรายงานประชาชน พรรคจะปรับโครงสร้างพลังงานครั้งสำคัญ เพื่อดูแลประชาชนอย่างแท้จริง โดยไม่เอื้อประโยชน์ให้กับใคร