พบแล้ว เรือน้ำมันเถื่อนที่หายไป 3 ลำ ลูกเรืออยู่ไม่ครบ ของกลางหายไปบางส่วน

Home » พบแล้ว เรือน้ำมันเถื่อนที่หายไป 3 ลำ ลูกเรืออยู่ไม่ครบ ของกลางหายไปบางส่วน

พบแล้ว เรือน้ำมันเถื่อนที่หายไป 3 ลำ มีการอำพรางเปลี่ยนแปลงสีเรือ ลูกเรืออยู่ไม่ครบ ของกลางหายไปบางส่วน 

วันที่ 16 มิ.ย.67 พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยว่า ตำรวจน้ำ ได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน จนล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พบเรือน้ำมันเถื่อนของกลางทั้ง 3 ลำแล้ว ที่บริเวณพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเพาะ 3 ประเทศ คือ ไทย กัมพูชา และเวียดนาม

จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า น้ำมันบางส่วนหายไป อยู่ไม่เต็มจำนวน และลูกเรือจากจำนวน 16 คน ตอนนี้เหลือเพียง 8 คนเท่านั้น และที่บริเวณตัวเรือ พบว่ามีความพยายามที่จะอำพรางเปลี่ยนแปลงสีของเรือของกลางด้วย

จากการสืบสวน เชื่อว่า เรือทั้งสามลำดังกล่าวเข้าเทียบท่าที่ประเทศกัมพูชามาก่อนหน้านี้แล้ว และมีลูกเรือบางส่วน ลงจากเรือไป พร้อมทั้งน้ำมันบางส่วนก็หายไปด้วย อย่างไรก็ตาม จากการที่ทางการประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ได้ทำการออกตรวจลาดตระเวนทางทะเล ทำให้เรือทั้ง 3 ลำ หลบหนีออกจากท่าเรือในกัมพูชา แล้วออกสู่น่านน้ำเพื่อที่จะหลบหนี แต่จากการประสานกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถค้นพบหรือทั้ง 3 ลำที่บริเวณดังกล่าว และจะนำเข้าฝั่งภายในวันนี้ (17 มิ.ย.) โดยเรือหนึ่งใน 3 ลำไม่สามารถขับเคลื่อนได้ตัวเอง จึงต้องทำการลากเข้าฝั่ง พร้อมกับอีกสองลำที่เหลือ ซึ่งสามารถขับได้ตามปกติ

โดยสามารถติดตามการแถลงข่าวเกี่ยวกับรายละเอียดคดีนี้ได้ ในวัน 17 มิ.ย.67 เวลา 12.00 น. ที่ สถานีตำรวจน้ำกอง 7 สงขลา

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันว่าขณะตำรวจทำเต็มที่เพื่อติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี หากพบพยานหลักฐานไปถึงใครจะต้องดำเนินคดีทั้งหมด ยิ่งหากเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลแล้วจะต้องเดินหน้าเอาผิดให้ถึงที่สุด เปรียบเทียบเสมือนการล้วงคองูเห่า

สำหรับผลการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตำรวจน้ำที่ดูแลรับผิดชอบเรือทั้ง 3 ลำ เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกำหนดให้ 30 วัน กำชับให้ผู้บังคับการตำรวจน้ำเร่งสอบสวนและรายงานความคืบหน้าให้ทราบภายใน 7 วัน หากพบการกระทำความผิด ก็จะให้ทยอยดำเนินการเบื้องต้นไปก่อนตามพยานหลักฐาน

ส่วนการบกพร่องต่อหน้าที่เบื้องต้นพบว่าตำรวจน้ำ 3 – 4 นายน่าจะเข้าข่าย ทำให้เสียหายต่อราชการอย่างร้ายแรง ส่วนจะเข้าข่ายความผิดใดอื่นอีกหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ

ส่วนกรณีที่มีคลิปวิดีโอลูกเรือคนหนึ่งอ้างว่ามี เสธ. คนหนึ่งยังไม่ให้เอาเรือออกนั้น ต้องขอตรวจสอบก่อน เนื่องจากคำว่า เสธ. ประชาชนทั่วไปอาจใช้เรียกบุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่ คนในหน่วยงานทหารก็เป็นไปได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ