พบซาก พญาช้าง และงาพญาช้างดำ จำนวนมากภายใน “ถ้ำวังช้าง” คาดอายุหลายร้อยปี วอนหน่วยงานภาครัฐเร่งเข้าตรวจสอบ หวั่นจะถูกขโมยสูญหายไปหมด
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ ม.6 บ้านหินจอก ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ชาวบ้านพบซากโครงกระดูกพญาช้าง และงาช้างสีดำ ขณะเข้าไปหามูลค้างคาว ภายในถ้ำวังช้าง คาดมีอายุหลายร้อยปี
ลักษณะถ้ำเป็นภูเขา 3 ลูก ติดกัน การเข้าไปต้องเดินผ่านสวนยางพารา ข้ามห้วยเดินขึ้นทางเชิงเขาเป็นป่ารกทึบ โดยในถ้ำมืดสนิท ต้องไฟฉายส่องเข้าไป พื้นด้านล่างเป็นดิน ปะปนด้วยมูลค้างคาว มีร่องรอยถูกขุด เป็นหลุม ๆ ร่องรอยใหม่ เพื่อนำเอากระดูกช้างขึ้นมา รวมทั้งกระดูกสัตว์อย่างอื่นออกสูญหายไปแล้วเป็นจำนวนมาก คาดมีอายุไม่น้อยกว่า 200 ปี
นางนิต เก้าเอี้ยน อายุ 68 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า ตนเพิ่งทราบว่าตอนที่มีชาวบ้านไปหามูลค้างคาวแล้วไปเจอโครงกระดูกช้าง จึงอยากจะอนุรักษ์เอาไว้ เพื่อให้ลูกหลานได้ศึกษาว่าถ้ำดังกล่าวมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างไร อยากฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ นำเอากระดูกช้างที่อยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ไปพิสูจน์ ว่ามีอายุยาวนานแค่ไหน
จากคำบอกเล่าว่าถ้ำวังช้าง อดีตสถานที่แห่งนี้มีช้างป่าอาศัยอยู่เป็นโขลงใหญ่ โดยมีทั้งช้างงาเดี๋ยว งาสีดำ ซึ่งเป็นพญาช้างเข้าไปกินน้ำภายในถ้ำ แล้วเกิดตกลงไปในน้ำสภาพนอนหงายท้องแล้วไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ จนเสียชีวิตร่างปิดปากวังน้ำ จนร่างเน่าเปื่อย เหลือแต่กระดูกถูกดินทับถมจนมิด จนชาวบ้านไปขุดเอามูลค้างคาว เจอโครงกระดูกสัตว์มากมายดังกล่าว
ด้านนายสมจริง เดชประสิทธิ์ ชาวบ้านอีกราย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีนายพร แก้วพิทักษ์ กับนายเอียด ได้เข้าไปพบเป็นคนแรก เมื่อเจอโครงกระดูกจึงเก็บเอากระดูกกลับไปบ้าน ต่อมาเกิดอาเพศมีลมพัดทำให้ต้นไม้บริเวณข้างบ้านหักโค่นหล่นลงมาล้มลงทับบ้าน เชื่อว่าเกิดจากการนำเอากระดูกกลับมาจึงนำเอากระดูกกลับไปไว้ในถ้ำตามเดิม ซึ่งหลังจากนั้นนายพร ได้เสียชีวิตลงเพราะโดนไม้ล้มทับ
ต่อมาตนและเพื่อนบ้านเข้าไปค้นหาจนเจอถ้ำดังกล่าว ภายในถ้ำเจอโครงกระดูกพญาช้างโผล่ให้เห็น เป็นจำนวนมากจริง ๆ จึงแคะดูปรากฏว่าด้านล่างมีกระดูกเล็ก ใหญ่ จำนวนมาก ระยะหลังได้มีผู้คนที่ทราบข่าว ได้เข้าไปขโมยกระดูกใหญ่ ๆ นำออกไปเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือบางส่วนจึงมาไปเก็บไว้ที่บ้าน เพื่อป้องกันการสูญหาย และเพื่อรอการตรวจสอบจากหน่วยงาน