พท.อัดประยุทธ์ คือภัยคุกคามเศรษฐกิจ เย้ยหารเท่าไร-บัตรกี่ใบ ปชช.ไม่เลือกก็ปิดฉาก

Home » พท.อัดประยุทธ์ คือภัยคุกคามเศรษฐกิจ เย้ยหารเท่าไร-บัตรกี่ใบ ปชช.ไม่เลือกก็ปิดฉาก



พท.อัด ประยุทธ์ คือภัยคุกคามเศรษฐกิจที่แท้จริง เย้ยหารเท่าไร-บัตรกี่ใบ ปชช.ไม่เลือกก็ปิดฉากสืบทอดอำนาจ โวได้เวลานับถอยหลังบิ๊กตู่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคพท. ประกอบด้วย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการพรรค และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด กรรมการยุทธศาสตร์และการเมือง ร่วมแถลงข่าวด้านเศรษฐกิจประจำสัปดาห์

นายพิชัย กล่าวว่า ธนาคารกลางของสหรัฐประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% เป็นครั้งที่ 2 ทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐห่างกับอัตราดอกเบี้ยของไทยค่อนข้างมาก ซึ่งจะเป็นผลกระทบกดดันกับเศรษฐกิจไทยอย่างมาก โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยก็เป็นไปได้มาก และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก อีกทั้งเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2 ก็ย่ำแย่ขยายตัวได้เพียง 0.4% เท่านั้น เศรษฐกิจอียูก็ยังแย่จากสงครามรัสเซียยูเครน ดังนั้นเศรษฐกิจสหรัฐ จีน และอียูจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก ขณะที่ประเทศไทยในเดือนส.ค.นี้ ค่าก๊าซหุงต้มขึ้นเป็น 393 บาท/ถัง 15 กก. และจะขึ้นค่าไฟฟ้าถึงหน่วยละ 4.72 บาทในงวดเดือนก.ย. หากคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคพท.ไม่ทักท้วง น่าจะขึ้นทะลุไปหน่วยละ 5 หรือ 6 บาทกว่า พิสูจน์แล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ถูกด่าไม่ยอมแก้ไข นอกจากนี้การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะกดดันให้ ธปท.ต้องขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ จะเพิ่มภาระให้กับประชาชนอย่างมาก ทั้งค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน และหนี้สินต่างๆ รวมถึงหนี้ธุรกิจ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลและ ธปท.ได้พิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวต่อได้ เงินทุนไม่ไหลออก เพราะตั้งแต่ต้นปีเงินทุนสำรองลดลง 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ลดลงต่ำกว่า 220,000 ล้านเหรียญครั้งแรกในรอบ 3 ปี ค่าเงินบาทก็อ่อนค่าลง และถึงแม้ไทยจะส่งออกได้มาก 6 เดือนแรกขยายตัวได้ 12.7% แต่นำเข้าขยายตัวมากกว่า ทำให้ไทยขาดดุลการค้าอย่างมาก 6 เดือนที่ผ่านมาไทยขาดดุลการค้าแล้วกว่า 6.25 พันล้านเหรียญ ซึ่งหากการท่องเที่ยวไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร ประเทศไทยจะเกิดการขาดดุลแฝด เป็นสัญญาณอันตรายต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆทั่วโลกและไทยเองจะต้องระวังอย่างมาก

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันพล.อ.ประยุทธ์ยังคิดได้เพียงโครงการคนละครึ่ง แถมให้เพียง 800 บาท บอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายอาคมเพิ่งจะบอกว่ารัฐบาลต้องเลิกแจกเงิน และหันมาฟื้นฟูเศรษฐกิจได้แล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ์คงไม่เข้าใจ คิดเป็นแต่แจกเงินอย่างเดียวเท่านั้น จากทั้งหมดที่กล่าวมาไทยกำลังจะเผชิญภัยคุกคามทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในหลายด้าน โดยที่ผู้นำไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจ จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ภัยคุกคามทางเศรษฐกิจของไทยที่หนักที่สุด คือตัวพล.อ.ประยุทธ์เอง เพราะเป็นสาเหตุหลักของประเทศที่เสื่อมถอย อีกทั้งยังจะพยายามที่จะรักษาอำนาจในทุกวิถีทาง และพยายามแก้กติกากลับไปกลับมากลัวแพ้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าไม่ว่าจะเลือกกติกาไหน ประชาชนก็จะไม่เลือกผู้นำที่บริหารล้มเหลวอีกต่อไป น่าจะต้องสำนึกตัวเองได้แล้ว อีกทั้งครบ 8 ปีแล้วตามกำหนดรัฐธรรมนูญ อย่าพยายามดันทุรังอีกเลย

นายจักรพล กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ทำแผนการตลาดปี 2566 พร้อมเตรียมผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย 4 กลยุทธ์ และตั้งเป้าว่าจะดันรายได้การท่องเที่ยวปี 2566 รวม 2.38 ล้านล้านบาทนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่พรรคพท.มองเห็น 3 ช่องโหว่ ดังนี้ 1.แผนการดำเนินการที่ไม่ชัด ขาดการวางแผนที่ไม่รัดกุม ไม่รอบคอบ เช่น กลยุทธ์สร้างประสบการณ์การเดินทางที่มีความหมายและทรงคุณค่าให้กับนักท่องเที่ยว (Meaningful Travel) ทางรัฐบาลจะสร้างประสบการณ์นี้ได้อย่างไร ในเมื่อรัฐบาลยังตัดสินใจผิดพลาดในหลายๆเรื่อง และรัฐมักปล่อยให้ภาคเอกชนต้องเดินฝ่าอุปสรรคด้วยตนเองตลอดมา 2.รัฐอาจจะแพ้ภัยตัวเอง จากผลการจัดอันดับพบว่ากรุงเทพฯ และเมืองพัทยาติด 10 อันดับประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในฤดูร้อนประจำปี 2565 แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลทำผิดพลาดหลายครั้งทำให้เกิดการระบาดของโควิดมากกว่า 5 ระลอก การฉีดวัคซีนที่ล่าช้าทำให้ประเทศต้องฟื้นตัวช้ากว่ากำหนด และหากรัฐบาลยังหลงตัวเองคิดว่าตัวเองยังอยู่หัวคะแนนของตาราง ยิ่งทำให้รัฐบาลเพิกเฉยต่อธุรกิจการท่องเที่ยวไทยหรือไม่ 3.บาดแผลทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยหายไป ซึ่งตนได้มีส่วนร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมเสนอ 5 บาดแผลประกอบด้วย การว่างงานในระยะยาวอาจปรับตัวสูงสุดแตะได้ถึง 1.7 แสนคน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีการปรับตัวลดลง ดัชนีความสุขของคนในประเทศไทยลดลงจากอันดับจากที่ 34 ลงมาที่ 46 จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 65 อาจจะหายไปถึง 33 ล้านคนเมื่อเทียบกับปี 63 และรายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่หายไปไปมากกว่า 3.5 ล้านล้านบาท

นายจักรพล กล่าวต่อว่า ตนยังได้เสนอ 3 กลไกที่จะถูกผลักดันโดยเครื่องยนต์ตัวที่ 5 คือเครื่องยนต์ทางดิจิทัล ดังนี้ กลไกที่ 1 พัฒนากรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Economic Cooperation: GMS) ด้วยการผลักดันสินค้า Soft power ไทยที่โดดเด่น เช่น เช่น เนื้อสัตว์แช่แข็ง ยางพารา ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป เป็นต้น ผ่าน Platform และ E – Commerce ในความร่วมมือระหว่างประเทศ สนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารด้วย Covid Safety Food ผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาทิ การท่องเที่ยว 5 เชียง การท่องเที่ยวถนน R3A R3B ทางอากาศ ทางรางและทางเรือ พร้อมยกระดับ Logistics เพื่อสนับสนุน Supply Chain ทางอาหารและอื่นๆอย่างเป็นระบบ และรีบดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม กลไกที่ 2 กรอบความร่วมมือแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย – มาเลเซีย – ไทย (IMT-GT : Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle) ด้วยการผลักดัน Supply Chain ทั้ง 6 เส้นทาง (EC1-EC6) โดยชูจุดเด่นของสินค้าไทย เช่น ยางพารา อาหารทะเล ไม้ยางแปรรูป ปาล์มน้ำมัน อาหารทะเลแปรรูป และผลิตภัณฑ์ฮาลาลไทย พร้อมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น ชิโนโปรตุกีส

นายจักรพล กล่าวอีกว่า กลไกที่ 3 การเพิ่มขีดจำกัดของการแข่งขันในพื้นที่ ประกอบด้วย การกำหนดสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน การเพิ่มโอกาสเข้าถึงเงินทุนและนวัตกรรมสาหรับผู้ประกอบกิจการทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น SMEs และ Micro SMEs รวมถึงธุรกิจ Startup การสนับสนุนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่นำร่องการพัฒนากับโครงข่ายหลักโดยรอบ เพื่อดึงดูดให้เกิดการลงทุน เน้นการใช้และเชื่อมโยงด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ เพื่อเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนกลไกที่ 1 และ 2 หากได้ดำเนินนโยบายดังกล่าว เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวและการส่งออกในเขตเศรษฐกิจซึ่งนำไปสู่รายได้ในพื้นที่ขั้นต่ำ 23 ล้านล้านบาท นี่คือกรอบวิสัยทัศน์ของเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยในอนาคต ที่จะไม่ได้พึ่งพาแต่นักท่องเที่ยวแดนไกล แต่จะพึ่งพาตัวเองและศักยภาพของเพื่อนบ้านที่พร้อมพัฒนาไปด้วยกัน น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ สร้างความล้มเหลวด้วยการตัดสินใจที่ไม่มีข้อมูลนำไปสู่ความผิดพลาด ไร้ซึ่งจริยธรรมในการบริหารประเทศ ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาระเบียงเศรษฐกิจ ได้เห็นโอกาสที่หลุดลอย ไร้จุดหมาย และแผนการที่ดำเนินการอยู่ก็ดูยากที่จะไปถึง ทั้งหมดนี้ไม่ควรเป็นคุณสมบัติของนายกฯ ที่เป็นผู้นำเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและคนทั้งประเทศ แต่ก็เป็นข่าวดีของประเทศไทยเพราะเวลาที่ตกต่ำที่สุดของประเทศไทยใกล้จบลงแล้ว พรรคพท.พร้อมนำประเทศไทยกลับมาสู่ยุคแห่งความรุ่งเรืองของประเทศอีกครั้ง ได้เวลานับถอยหลังของพล.อ.ประยุทธ์แล้ว

ด้านนายอนุสรณ์ กล่าวกรณีจะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้งแบบใบเดียวว่า บางครั้งในทางการเมืองข่าวลืออาจเป็นข่าวจริงที่มาก่อนเวลาอันควร 3 ป.ปิดห้องคุยเมื่อไหร่เป็นเรื่องทุกครั้ง แม้ระหว่างนี้พรรคร่วมรัฐบาลอาจจะออกอาการเขินๆ กับบัตรเขย่ง เกรงกระแสตีกลับ หากต้องแก้รัฐธรรมนูญกลับไปสู่จุดเดิม แต่ในทางปฏิบัติ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคพร้อมเอาด้วยกับ 3 ป. อภินิหารทางกฎหมายอาจเกิดขึ้นได้อีก แนวทางที่ตรงไปตรงมา คือบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หาร 100 เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ ประชาชนมีทางเลือก ก่อนหน้านี้ทุกพรรคก็เห็นชอบกับแนวทางนี้ การพลิกกลับไปกลับมา กลับลำอยู่หลายตลบเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการสืบทอดอำนาจ ทำภาพลักษณ์สภาเสียหาย ทำแบบนี้ยิ่งกว่าครอบงำ แทรกแซง เพราะสามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้ตามใจ 3ป.เลย ผลการเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องที่จะไปเทียบบัญญัติไตรยางค์ ถ้าบัตร 2 ใบหาร 500 จะสกัด ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพท.ได้ประมาณ 25-30 คน ถ้าใช้บัตรใบเดียว นอกจากจะสกัด ส.ส.บัญชีรายชื่อได้เพิ่มขึ้น ก็จะสกัด ส.ส.เขตของพรรคเพื่อไทยได้อีกประมาณ 15 คน เท่ากับบัตรเลือกตั้งใบเดียว พรรคเพื่อไทยจะถูกสกัด 40-50 ส.ส. ความกลัวทำให้เสื่อม ยิ่งพูดยิ่งตีแผ่ประจานตัวเองว่ากลัวมากแค่ไหน การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบหรือใบเดียว จะหาร 500 หรือหาร 100 ถ้าประชาชนไม่เลือกก็จบ รูดม่านปิดฉากระบอบสืบทอดอำนาจ

“8 ปีประยุทธ์ ไม่ได้มีเฉพาะ 99 ปัญญาชนและพลเมืองไทยที่ออกมาไล่ แต่มีเครือข่ายแม่น้ำร้อยสายลุกขึ้นมาไล่ประยุทธ์ทั้งประเทศ ไหนบอกว่าเราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน 8 ปีที่ทู่ซี้อยู่ ยังวิกฤตหนักขนาดนี้ ใครจะไปเชื่อว่าเวลา 2 ปีที่ขอเพิ่ม จะทำอะไรได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ