พท.บี้เอาผิดคนช่วย ส.ต.ท.หญิง โหด เข้ารับราชการทั้งที่อายุเกิน สงสัยผู้มากบารมีเอี่ยว ‘บิ๊กช้าง’ แจงนายกฯ สั่งสอบข้อเท็จจริง-ตั้งกก.สอบลงโทษวินัยร้ายแรง
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 25 ส.ค. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจาของนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ถามรักษาการนายกรัฐมนตรี ว่า กรณีการเข้าเป็นตำรวจของส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ทำให้สั่นสะท้านทั้งวงการ ทั้งการเมือง ทหาร ตำรวจ เพราะ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ทำร้ายร่างกายทหารรับใช้ ซึ่งทุกคนไม่เข้าใจว่า ทหารไปเป็นผู้รับใช้อยู่ในบ้านของตำรวจแค่ยศ ส.ต.ท. ได้อย่างไร จนทนไม่ไหวต้องออกจากราชการ ด้วยเหตุที่ถูกบังคับและถูกทำร้าย
นายประเดิมชัย กล่าวต่อว่า ตนจึงอยากทราบว่า การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ตั้งบุคคลภายนอกเข้าไปรับราชการในสังกัดสตช. มีหลักการในการรับตัว ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เข้าไปรับราชการได้อย่างไร เพราะขณะที่รับเข้าไปรับราชการนั้น อายุ 39 ปี ซึ่งในหลักเกณฑ์จะรับคนที่อายุไม่เกิน 35 ปี อย่าบอกว่าเหตุที่รับเพราะเป็นบุคคลที่อยู่ในอาชีพขาดแคลน เพราะบุคคลนี้จบเพียงแค่วุฒิ ปวส.บัญชี ซึ่งจากการตรวจสอบเมื่อปี 60 ที่มีการรับเข้าไปเป็นข้าราชการตำรวจนั้น คนจบวุฒิปวส.บัญชี มีมากมายทั่วประเทศที่อายุไม่เกิน 35 ปี แต่ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ได้อภิสิทธิ์อะไร ทางสตช.ถึงรับเข้าไป
ด้านพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้รับมอบหมายจากรักษาการนายกฯ ชี้แจงว่า ต้องขอแสดงความเห็นใจกับอดีตทหารหญิงที่ถูกทำร้ายร่างกายและครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น และผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายปัจจุบันลาออกไปแล้ว เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นมีการแจ้งความดำเนินคดี นายกฯ สั่งการให้ สตช.เร่งดำเนินการตรวสอบข้อมูลข้อเท็จจริง และให้มีการสอบสวนโดยเร็ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า ทั้งนี้ ในการบรรจุบุคคลพลเรือนเข้ารับราชการ ไม่ว่าทหารหรือตำรวจ มีระเบียบ คำสั่ง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่เรื่องการบรรจุแต่งตั้งยศ เรื่องการโยกย้าย รวมทั้งการช่วยราชการ การดำเนินการต่างๆ ก็ต้องยึดถือระเบียบหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ ในกรณีที่ไม่ดำเนินการตามระเบียบ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องถูกตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องลงโทษ ทั้งวินัยและปกครอง หรืออาญา ก็เป็นเรื่องของการกระทำของบุคคลนั้น
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวต่อว่า กรณีส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ นายกฯ ได้สั่งการผู้ช่วยผบ.ตร.สอบสวนโดยเร็วว่า การรับเข้ามาเป็นไปตามระเบียบหรือไม่ ส่วนความคืบหน้าของคดี ได้มอบหมายให้ผบ.ตร.ได้เข้าไปกำกับดูแลการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในการสอบสวนเพื่อให้เกิดความยุติธรรม เที่ยงตรง และหน่วยต้นสังกัดก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เพื่อลงโทษทางวินัยด้วย
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวอีกว่า ในคดีอาญาพนักงานสอบสวนและสอบปากคำผู้เสียหาย และแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในฐานความผิดค้ามนุษย์ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ ปัจจุบันฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางจ.ราชบุรี ซึ่งการดำเนินการที่เกิดขึ้นทั้งหมด สตช.ได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ตามการกระทำที่มีความผิด จะไม่มีการปกป้องช่วยเหลือ และจะดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัยทุกเรื่องกับผู้กระทำความผิด
นายประเดิมชัย ถามต่อว่า การตอบของ รมช.กลาโหม ตอบเหมือนตีม้าเลียบค่าย เพราะตนถามเรื่องกระบวนการบรรจุแต่งตั้งในอายุที่เกิน 35 ปี ซึ่งในระเบียบบอกว่าต้องเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือถ้าเป็นลูกหลานข้าราชการทหารที่รับใช้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทำความดีความชอบให้กับราชการ ย่อมได้รับการพิจารณา แต่กรณีของส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า เริ่มต้นจากการเปิดร้านขายกาแฟ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาดี มาเป็นเซลล์ขายรถยนต์ จนมาเจอผู้มีอำนาจ อาจมีความรักใคร่เสน่หาในด้านใดไม่ทราบ จึงมีความพยายามที่จะหาช่องทางให้คนคนนี้ ซึ่งขณะนั้นอายุ 39 ปี เข้ามารับราชการใน สตช.ในปี 60
นายประเดิมชัย กล่าวว่า เมื่อรับราชการแล้ว ก็มีขบวนการในการเอาชื่อไปช่วยงาน กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของทหาร ซึ่งทราบกันดีว่าถ้าใครเป็นรับราชการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีสิทธิพิเศษ ทั้งเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน และอายุราชการ แล้วบุคคลนี้มีความสามารถอะไร กอ.รมน.ภาค4 ขาดบุคคลกรทางด้านบัญชีหรือ จึงอยากทราบเหตุผล และใครเป็นคนออกคำสั่งในการดึงตัวไปช่วย กอ.รมน.ภาค4 ไปช่วยตำแหน่งใด รับผิดชอบอะไร เพราะตัวอยู่ที่จ.ราชบุรี แต่ชื่ออยู่กอ.รมน.ภาค 4
“อยากถามว่าเป็นกระบวนการปกติและฟาสแท็ก มีฝ่ายการเมือง ทั้งส.ว. ข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.อ. ข้าราชการทหารยศ พล.อ. ที่ปรากฏตามสื่อเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ผมเชื่อว่ายังมีคนอื่นๆ ที่มีชื่อแบบนี้และตัวไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จริงอีกจำนวนมาก กินเงินเดือนภาษีประชาชน แต่ไม่ไปทำงาน และยังเอาทหารยศส.ท.ไปเป็นผู้รับใช้ ทั้งที่เป็นเพียงแค่ส.ต.ท.หญิง ทำไมไม่สั่งให้ออกราชการไว้ก่อน ทั้งที่ศาลไม่ให้ประกันตัว แสดงว่าเส้นใหญ่จริง ถ้าไม่ใหญ่จริงคงไม่กล้าถาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผบ.ตร.ที่ลงไปเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนว่า “รู้หรือเปล่า ฉันเป็นใคร” ถ้าไม่ใหญ่จริง ไม่กล้าพูดเช่นนี้” นายประเดิมชัย กล่าว
พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า ในการที่จะให้ข้าราชการตำรจไปช่วยราชการในหน่วยอื่นนั้น มีระเบียบของสตช.ว่าด้วยการสั่งการให้ตำรวจไปช่วยราชการนอกสังกัด และการจะอนุมัติ ผู้บังคับบัญชาหน่วยต้นสังกัดต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม ต้องไม่กระทบต่อการทำงานของหน่วย และมีควาามจำเป็นที่ไปแล้วเกิดประโยชน์กับหน่วยที่ไปช่วยราชการ ซึ่งในการดำเนินการช่วยราชการที่กอ.รมน.นั้น เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนช่วยราชการ
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวอีกว่า โดย ส.ต.ท.หญิงคนนี้ก็ไปช่วยราชการที่สำนักข่าวของ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า เพื่อทำงานด้านการข่าวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ กอ.รมน. ภาค4 ส่วนหน้าก็ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่าส.ต.ท.หญิงคนนี้ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการจริงหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่ได้ไปจึงได้ดำเนินการส่งตัวกลับที่หน่วยต้นสังกัดเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา และทางหน่วยต้นสังกัดต้องตั้งกรรมการสอบสวน และถูกลงโทษทางวินัย ทางปกครองและความผิดในลักษณะอื่นต่อไป
อีกทั้งต้องถูกเรียกคืนสิทธิต่างๆ ที่ได้รับระหว่างไปช่วยราชการ แต่ไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งราชการ และเมื่อวานนี้ (24 ส.ค.) ทางตำรวจราชบุรีได้ประชุมติดตามคดีอยู่ตลอดเวลา แต่การทำคดีต้องมีพยานหลักฐาน และมีกรรมการมาสอบสวนโดยเร็วเพื่อให้เกิดความกระจ่าง เพื่อลงโทษกรณีที่มีการกระทำความผิด