เพื่อไทยซัดรัฐบาล หยุดช่วยประชาชนแบบสงเคราะห์ บี้ “ประยุทธ์” เร่งแก้ปัญหาเด็กหลุดออกระบบการศึกษา
เมื่อวันที่ 1 ก.ค.65 น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และอนุกรรมาธิการงบประมาณการศึกษาปี 2566 กล่าวว่า
มีความกังวลสถานการณ์เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา จากรายงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มีเด็กหลุดจากระบบการศึกษามากถึง 238,000 คน ตั้งแต่ปี 2564-2565 แม้ในปัจจุบัน กสศ.และภาคีภาคเอกชน จะได้ทำร่วมทำโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” แต่ก็ยังมีเด็กไทยอีกเกือบ 20,000 คน ที่อาจจะหลุดออกจากระบบการศึกษาอย่างถาวร เนื่องจากผู้ปกครองจำนวนมากไม่มีงานทำ และกลายเป็นคนยากจนอย่างเฉียบพลันภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ค่าครองชีพพุ่งสูงและสภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่ตระหนัก และออกมาตรการแก้ไขปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาอย่างยั่งยืน
น.ส.อรุณี กล่าวต่อว่า แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาอย่างยั่งยืน ที่พล.อ.ประยุทธ์ควรจะกระทำเพื่อให้เด็กไทยทุกคนมีโอกาสได้เรียนโดยเท่าเทียม ไม่ควรมีใครต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาก่อนวัยอันควร คือการที่รัฐบาลต้องมุ่งเป้าในการสร้างรายได้ให้ประชาชน ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ เพราะหากแก้ไขปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูกตามเสียงบ่นว่าของประชาชน ก็จะเกิดการสงเคราะห์เป็นครั้งๆ แล้วจบไป เหมือนอย่างล่าสุดที่กระทรวงมหาดไทยสั่งผู้ว่าฯ ช่วยเหลือเรื่องชุดลูกเสือ เนตรนารีกับครอบครัวฐานะยากจน แต่ประชาชนชนชั้นกลางที่จนลงและประชาชนหาเช้ากินค่ำที่ลำบากแสนสาหัสไม่ต่างกัน ควรเป็นความผิดใครกันแน่ระหว่างรัฐบาลหรือประชาชน
“พล.อ.ประยุทธ์ต้องไม่ลืมว่าการศึกษาเป็นสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ตอนนี้เรียนฟรีไม่มีอยู่จริง ถือว่าเป็นความจริงที่เจ็บปวด รัฐบาลอย่าใช้ระบบสงเคราะห์กับประชาชน ทั้งที่การศึกษาควรเป็นสวัสดิการพื้นฐานที่ไม่สร้างความเหลื่อมล้ำ” น.ส.อรุณี กล่าว