พท.ชื่นชมสมาคมแพทย์นิติเวชฯ ยืนข้างประชาชน ฉุดกัญชากลับสู่สามัญหมวดเสพติด จี้ “ประยุทธ์” สั่ง “อนุทิน” ยกเลิกประกาศ สธ. ให้กัญชาใช้ทางการแพทย์เท่านั้น
11 พ.ย. 65 – น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรค พท. พรรคร่วมฝ่ายค้านและประชาชน ขอแสดงความขอบคุณ นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ที่ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา
ขอให้ศาลฯ มีคำสั่งเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุขลงวันที่ 8 ก.พ.เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 ให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีการออกประกาศฉบับดังกล่าว และให้กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามประกาศ สธ.ลงวันที่ 8 ธ.ค.63 ดังเดิม
น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า การที่นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย จับมือกับ พรรคพท.และพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ ต่อสู้ เพื่อต่อต้านคัดค้านกัญชาเสรีที่มีการนำมาใช้เกินเลยไปจากทางการแพทย์ เป็นสิ่งที่สร้างความถูกต้องให้กับผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดกัญชาเสรีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข
ที่ผ่าน พรรคพท.ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเพื่อสันทนาการ เพราะห่วงใยอนาคตของเด็กและเยาวชน ที่จะพลัดหลงเข้าไปสู่วงจรยาเสพติด ทั้งนี้ นพ.สมิทธิ์มีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ถือเป็นตัวแทนของบรรดาแพทย์นิติเวชทั้งประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเพื่อสันทนาการ ที่กำลังส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างในขณะนี้
ทั้งหมดจึงเป็นคำตอบว่า สิ่งที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และนายอนุทิน ที่พยายามผลักดันกัญชาโดยที่ไม่มีกฎหมายรองรับนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด สร้างความสับสนให้ประชาชน เกิดผล กระทบในหลายด้าน ข่าวรายวันรายงานเหตุสลดอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนเมายา หลอนยา พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อแม่ ทำร้ายทุบตีเพราะขาดสติจากการเสพยา ซึ่งรัฐบาลไม่อาจปฏิเสธความจริงนี้ได้
“ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา นายอนุทินและพรรคภูมิใจไทย ออกมาตอบโต้คนที่ไม่เห็นด้วยจนเรียกได้ว่าแทบจะเอาชีวิตเข้าแลก เป็นตายร้ายดีก็จะต้องผลักดันให้สภาเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ให้ได้
กระทั่งเกิดความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล การซดเกาเหลากัญชาผ่านหน้าสื่อในแต่ละวันนั้น รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ ควรแสดงภาวะผู้นำ สั่งการนายอนุทินยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวโดยเร็วที่สุด ให้ทุกอย่างกลับไปสู่จุดเดิมที่ถือว่า กัญชาเป็นยาเสพติด
การครอบครอง การเสพที่เข้าข่ายผิดกฎหมายจะต้องได้รับโทษ ยกเว้นนำไปใช้ในทางการแพทย์ เวลาเป็นสิ่งมีค่า หากยิ่งปล่อยไว้ไม่ระงับยับยั้ง ทาสกัญชาจะพุ่งขึ้นจนรัฐบาลประยุทธ์ทั้งคณะจะรับผิดชอบไม่ไหวเอาได้” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
