พท. จวก ‘ตู่’ ยิ่งอยู่นานคนยิ่งจน หนี้พุ่งทะลุเพดาน แนะสร้างงาน ไม่ใช่แจกเงินสะเปะสะปะ

Home » พท. จวก ‘ตู่’ ยิ่งอยู่นานคนยิ่งจน หนี้พุ่งทะลุเพดาน แนะสร้างงาน ไม่ใช่แจกเงินสะเปะสะปะ



พท. จวก ‘ตู่’ ยิ่งอยู่นานคนยิ่งจน หนี้พุ่งทะลุเพดาน แนะสร้างงาน สร้างธุรกิจใหม่ ไม่ใช่แจกเงินสะเปะสะปะ ชี้ต้องเปลี่ยนจากบัตรคนจนเป็นบัตรเท่าเทียม

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2564 นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ แถลงว่า ในปี 2563 มีคนจนเพิ่มขึ้นเพียง 5 แสนคน ต่ำกว่าที่คาด ทั้งที่เศรษฐกิจไทยทรุดหนักถึง – 6.1% อ้างว่าเป็นเพราะมาตรการแจกเงินของรัฐบาลทำให้คนจนน้อยกว่าที่คาดไว้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นหลักคิดที่ถูกต้อง น่าจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นในระยะยาว เพราะการแจกเงินเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น

“แนวคิดที่ถูกต้องคือต้องสร้างงาน ซึ่งเป็นปัญหาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศหลังการรัฐประหาร การลงทุนหดหายมาโดยตลอด ทำให้การจ้างงานลดลง นอกจากนี้ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำเตี้ยมาตลอด 7 ปี เมื่อมาเจอวิกฤตไวรัสโควิด ทำให้เศรษฐกิจทรุดหนัก การว่างงานยิ่งพุ่งมากขึ้น หากมองย้อนหลังจะพบว่า ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าบริหารประเทศ คนจนของไทยเพิ่มมาตลอดตั้งแต่ก่อนจะมีวิกฤตการณ์ไวรัสโควิดแล้ว ไม่ได้ทำให้คนจนหมดไปเหมือนที่เคยโฆษณาไว้แต่อย่างใด”

นายพชร กล่าวต่อว่า คณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท. ได้เตือน พล.อ.ประยุทธ์ หลายครั้งแล้วว่าการแจกเงินไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่างนี้ไม่ต้องแจกกันไปตลอดชาติหรือ และด้วยสภาวะการคลังที่ทรุดหนัก หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นสูงทะลุเกินเพดาน รัฐบาลจะแจกเงินไปได้นานอีกเท่าไหร่ ขนาดนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยังออกมาบอกว่ารัฐบาลต้องลดการแจกเงินลงได้แล้ว และต้องหาทางฟื้นเศรษฐกิจ

“แนวทางที่ถูกต้อง คือต้องเร่งการสร้างงาน การสร้างธุรกิจใหม่ๆ ในระยะสั้นเรื่องแรกที่ทำได้เลย คือการตั้งศูนย์กลาง รีสกิล และอัพสกิล โดยสกิลมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่จำเป็นต้องใช้ด่วน เช่น การท่องเที่ยว ห้องอาหาร โรงแรม งานช่าง ให้ประชาชนเข้าถึง เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ พร้อมให้รางวัลจากการได้พัฒนาแรงงาน แทนที่จะไปจ่ายคนให้ไปเที่ยวสะเปะสะปะ ระยะกลางควรส่งเสริมธุรกิจเทคโนโลยีประเภทดิจิตัล”

นายพชร กล่าวอีกว่า พรรค พท.จะไปตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกิจตามเมืองศูนย์กลางการเงินหลักๆ เช่น เซินเจิ้น สิงคโปร์ ซิลิคอนวัลเล่ย์ นิวยอร์ค และมุมไบ หาคนทำงานที่เก่ง มีวิสัยทัศน์ สร้างเครือข่าย เพื่อพาผู้คิดค้นและก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพต่างๆ ไปหาทุน เพื่อพิสูจน์ความสามารถ ขยายโอกาส และสร้างตลาด มิเช่นนั้นหากทำแบบที่เป็นอยู่นี้ ขนาดเศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีแต่หดตัวลงไปเรื่อยๆ หากทำสำเร็จบัตรคนจนของไทยจะหมดไป จะกลายเป็นบัตรคนไทยที่เท่าเทียมและภาคภูมิแทน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ