ต่างชาติขอคำปรึกษา มีแฟนเป็นคนไทย เธอเคยบอก ถ้าอยากแต่งงานต้องให้สินสอด 1 ล้านบาท ส่วนตัวคิดว่ามันเยอะเกินไป ควรทำยังไงดี
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้ใช้เรดดิตรายหนึ่งได้ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ “แนวคิดเรื่องสินสอดของไทย” โดยเล่าว่า เขาเพิ่งคบหากับแฟนสาวชาวไทยได้ไม่กี่เดือนและเพิ่งรู้เรื่องสินสอด เธอเคยพูดติดตลกว่าถ้าอยากแต่งงาน เขาต้องให้สินสอด 1 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมากในความคิดของเขา
สำหรับแฟนสาว เธอสูญเสียทั้งพ่อและแม่ โดยพ่อเสียตอน 6 ขวบ ส่วนแม่เสียช่วงโควิด เธอจึงอาศัยอยู่กับลุง (ลุงแต่งงานแต่ไม่มีลูก) และได้ทำงานในร้านอาหารของลุง ซึ่งเป็นร้านอาหารเก่าแก่ มีชื่อเสียงพอสมควร โดยเธอได้รับเงินประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน
ตอนนี้เขาอยากได้คำแนะนำเรื่องสินสอด พร้อมตั้งคำถามว่า หากในอนาคต ความสัมพันธ์ของพวกเขาไปถึงจุดนั้น สิดสอดจะถูกจัดการอย่างไร และหลังจากแต่งงานจะได้เงินคืนไหม?
ด้านความคิดเห็นชาวเน็ต มีทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยชาวเน็ตไทยได้อธิบายว่า การให้สินสอดนั้นเป็นประเพณีที่มีมานาน สินสอดจะถูกมอบให้พ่อแม่ของเจ้าสาว ใช้เพื่อยืนยันว่าเจ้าบ่าวมีศักยภาพมากพอที่จะดูแลลูกสาวของพวกเขาได้ การกำหนดสินสอดมีหลายปัจจัย เช่น ฐานะ การศึกษา หน้าที่การงานและอื่น ๆ
ส่วนใหญ่สินสอดจะถูกคืนให้คู่บ่าวสาวหลังจากแต่งงาน เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการเริ่มต้นชีวิตคู่ แต่ในพื้นที่ชนบทมักจะไม่ค่อยคืน เพราะยึดแนวคิดจ่ายเงินเพื่อเลี้ยงดูภรรยา แต่ในปัจจุบัน ผู้หญิงหลายคนไม่ค่อยยึดถือเรื่องสินสอดมากนัก บางคนแต่งโดยไม่รับสินสอดเลยก็มี
ส่วนเรื่องสินสอดจำนวน 1 ล้านบาท อยากให้เขาลองพิจารณาเกี่ยวกับแฟนสาวให้รอบคอบ ตามธรรมเนียม พ่อแม่ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายต้องตกลงเรื่องสินสอดร่วมกัน แต่กรณีของเขาเป็นชาวต่างชาติ ทางฝ่ายหญิงจึงกำหนดมาให้ และหากอ่านข้อความดี ๆ แฟนของเขาไม่ได้ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ แต่อาจเป็นทายาทร้านอาหาร สินสอดจึงมีมูลค่าค่อนข้างสูง
หากเขามองว่าสินสอด 1 ล้านบาทนั้นสูงเกินไป ลองลดจำนวนเงินสดเหลือหลักแสน หรือหาซื้อที่ดิน เครื่องประดับที่มีมูลค่าน้อยกว่า 1 ล้านบาทมาแทน