ผุดแคมเปญ กูจะเปิดมึงจะทำไม สืบเนื้องจากกรณีที่มีออกมาตรการตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) เพื่อคุมเข้มพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเป็นช่วงกลางดึกของ คืนวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน เพื่อบังคับใช้ในวันที่ 28 มิถุนายน โดยมีคำสั่งและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการ ปิดแคมป์คนงานก่อสร้างใน กทม.-ปริมณฑล อย่างน้อย 30 วัน รวมทั้งให้ร้านอาหารบริการแบบ ซื้อกลับบ้านเท่านั้น
ในโลกออนไลน์ มีการผุดแคมเปญใหม่ กูจะเปิดมึงจะทำไม จากกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่เรียกร้องให้บรรดาร้านอาหารแสดงอารยะขัดขืนต่อมาตรการดังกล่าว โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า
ร้านไหนอยากร่วมแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม มาค่ะ จะร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านลาบ ร้านคราฟท์เบียร์ ร้านเหล้า ลงชื่อกันไว้ก่อนได้เลยค่ะ
กิจกรรมระยะสอง : Open!
ส่งเสียงขนาดนี้แล้วไม่ฟัง เราก็อย่าฟังมัน
เปิดร้านค่ะ เปิดให้นั่ง ขายเหล้าเบียร์ เล่นดนตรีสด แบบมีมาตรการ รักษาระยะห่าง ไม่ต้องประชาสัมพันธ์ ไม่ต้องเอิกเกริก แต่เปิดโอกาสให้ลูกค้าประจำและเพื่อนฝูงได้มาสนับสนุนคุณ ถ้ามีการมาจับกุม เราก็รวมพลังกันด่าและสู้ ถึงตอนนั้น เครือข่ายเราก็จะแข็งแรงแล้ว
กิจกรรมระยะสาม : Market Place + Mob
ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่เกิดอะไร ลงถนนกันเถอะ
ออกร้านขายอาหารบนถนนกันค่ะ เปิดลานเบียร์ ตั้งเวทีเล่นดนตรี แล้วก็ปราศรัยใหญ่ด่าพวกมัน เชื่อว่าคนเอาแน่ ลูกค้าคุณจะตามมาซื้อ มวลชนจะมากินมา support แน่ๆ
เริ่มต้นจากการกรอกฟอร์มค่ะ ย้ำอีกที
ข้อมูลนี้จะไม่เปิดเผยที่ไหน เราจะเก็บไว้ติดต่อส่วนตัวและสร้างเครือข่ายแนวร่วมสำหรับการทำงานระยะต่างๆ
ตอนนี้เท่าที่ศึกษามา ถ้าฝ่าฝืนพรก. แล้วโดนจับ อาจจะโดนค่าปรับ 40,000 บาท (เจ้าหน้าที่ปรับเองไม่ได้ ต้องขึ้นศาล) หรือให้ตำรวจช่วยก็จ่ายน้อยกว่า ร้ายแรงสุดคืออาจโดนสั่งปิดได้ อย่างไรก็ตาม เรามีทนายคอยช่วย มีทีมเจรจาเจ้าหน้าที่ มีคนรอสนับสนุนร้านที่จะเปิด และมีคนรอร่วมด่ามากมาย เพราะฉะนั้น อย่ากลัวเลย
ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียเบื้องต้นจากการปรึกษาหลายๆ คนนะคะ ซึ่งเราเข้าใจค่ะว่ามันมีความเสี่ยงหลายอย่าง แต่จุดนี้ถ้าจะสร้างเครือข่ายและเกราะป้องกันช่วยเหลือกัน คุณต้องแสดงความกล้าหาญและประกาศตัวแล้วล่ะ
นั่นแหละ เริ่มจากการกรอกฟอร์ม หรือไปชวนร้านโปรดของคุณให้มาลงชื่อกัน