ผู้นำกลุ่มประเทศองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) 30 ประเทศ ร่วมกันลงนามประกาศเมื่อวันจันทร์ (14 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ให้จีนเป็นความท้าทายต่อความมั่นคงและระเบียบของโลกที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์
นาโตระบุอีกว่า จีนมีพฤติกรรมที่ทะเยอทะยานและใช้นโยบายแบบบีบบังคับ ดังจะเห็นได้จากการกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียง และจีนยังขาดความโปร่งใสและมักใช้การบิดเบือนข้อมูลอยู่บ่อยครั้งด้วย
การประกาศดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกที่กลุ่มนาโตมองว่าจำเป็นต้องตอบโต้หรือทำอะไรบางอย่างกับอิทธิพลของจีนที่เพิ่มมาขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่กลุ่มนี้มักให้ความสำคัญกับภัยคุกคามจากรัสเซียเป็นหลัก
ผู้นำประเทศกลุ่มนาโต ยังมองว่าจีนใช้นโยบายที่บีบบังคับประชาชนจนน่าเป็นห่วง อย่างเช่น การกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียง และการเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์ และการที่จีนมักไม่โปร่งใสและบิดเบือนข้อมูลบ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม นายเยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการใหญ่นาโต ยืนยันว่าจีนยังไม่ถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์ และการประกาศนี้ก็มีขึ้นเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากจีน ซึ่งจะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเร็วๆ นี้ และขณะนี้ก็เป็นประเทศที่ใช้งบประมาณกับการทหารมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และมีกองทัพเรือใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว
นายโจ ไบเดน กล่าวหลังการประชุมว่า สหรัฐตั้งใจจริงที่จะให้การคุ้มครองพันธมิตรนาโต หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนก่อนหน้าลดบทบาทของสหรัฐและความสำคัญของพันธมิตรกลุ่มนี้ลง
อย่างไรก็ตาม นายไบเดนกล่าวถึงการที่ยูเครนอาจเข้าไปส่วนหนึ่งของนาโตในอนาคตว่า ปัญหาการที่รัสเซียมาผนวกแคว้นไครเมียของยูเครนไปเป็นของตัวเอง ไม่ใช่อุปสรรคเลย แต่สิ่งที่ยูเครนจะต้องพัฒนาคือการลดการทุจริตลงก่อนจะวางแผนปฏิบัติการเพื่อเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มได้
“ขึ้นอยู่กับว่ายูเครนทำได้ตามเกณฑ์หรือเปล่า ที่จริง พวกเขาต้องลดคอร์รัปชันลงให้ได้ก่อน” นายไบเดน กล่าว